ในการแข่งขันกันทางธุรกิจการค้า หรือการดิ้นรนทำมาหากินในปัจจุบันนี้ คุณอาจจะไม่ใช่คนเดียวที่ประสบปัญหาทางด้านการเงิน เนื่องจากปัจจุบันคนไทยมีอัตราการเป็นหนี้กันมากขึ้น เพราะมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตที่มีการกู้ยืมกันได้ง่าย เพราะการแข่งขันของผู้ประกอบการธุรกิจ หรือการค้าขายต่างๆ แข่งขันกันค่อนข้างสูง การลดฐานรายได้ของผู้กู้ลง เพียงมีสลิปเงินเดือน และหลักฐานประกอบไม่กี่ชิ้นก็สามารถทำสัญญากู้ยืมเงินกันได้ การเก็บออมเงินเพื่อซื้อสินค้า หรือการลงทุนของผู้คนจึงลดตํ่าลง
ค่านิยมในการวัดผลความสำเร็จของผู้คนในปัจจุบันก็เปลี่ยนไปเป็นการวัดความสำเร็จด้วยวัตถุสิ่งของที่มี หรือจำนวนทรัพย์สินย์ที่หามาได้ หลายคนจึงตกที่นั่งเช่นเดียวกัน ด้วยการเป็นหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อ สินค้าเงินผ่อน หรืออย่างอื่นจิปาถะ บางอย่างก็เกินความจำเป็นในชีวิต และผมขอเสนอวิธีปลดหนี้ให้เร็วที่สุดควรเริ่มต้นจาก
1. สำรวจหนี้สินของตนเอง
ให้ทำการสำรวจหนี้สินที่มีของตนเองว่ามีหนี้ประเภทใดมากที่สุด แล้วในสัญญาหนี้แต่ละฉบับระบุข้อตกลงร่วมกันไว้อย่างไรบ้าง กรณีเกิดผิดนัดชำระจะมีอะไรบ้าง ตรวจสอบยอดคงเหลือของดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และเงินต้นที่ส่งคืน ดูว่าดอกเบี้ยมีการคิดเพิ่มขึ้นจากเดิมหรือไม่ เก็บให้ทุกรายละเอียด เรื่องเงินทองเป็นของสำคัญ ข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้จะช่วยในการบริหารหนี้ที่มีได้ดีขึ้น
2. เลือกจ่ายหนี้ที่มีดอกเบี้ยแพงก่อน
หลังจากทำการสำรวจหนี้สินแล้ว ให้ทำการวางแผน และกำหนดเป้าหมายการชำระหนี้แต่ละประเภทให้ชัดเจนไปว่า หนี้สินแต่ละประเภทจะใช้เวลานานเท่าใดในการสะสาง พิจารณาหนี้ที่มีดอกเบี้ยแพง หรือมีดอกเบี้ยลอยตัวก่อน
อย่างหนี้บัตรเครดิตใบที่ 1 มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 18% (คิดแบบลอยตัว) กำหนดผ่อนชำระขั้นตํ่า 10% บัตรเครดิตใบที่ 2 มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 15% สามารถผ่อนชำระขั้นตํ่าได้ 5% และค่างวดรถ ต้องผ่อนส่งเดือนละประมาณ 12,000 บาท (รวมดอกเบี้ยแบบคงที่) หากเป็นเช่นนี้ คุณจะต้องเลือกชำระหนี้บัตรเครดิตใบที่ 1 ก่อน เพราะมีดอกเบี้ยแพงวงเงินการผ่อนชำระขั้นตํ่าสูง ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกโปะให้หมดทั้งต้นและดอก และยกเลิกบัตรเครดิตประเภทนึ๋ไปเสีย จากนั้นจัดการกับหนี้เครดิตใบที่ 2 สำหรับค่าผ่อนรถ ให้ผ่อนส่งไปตามปกติ เพราะไม่เกิดประโยชน์อันใดขึ้นมา หากคุณจะโละด้วยเงินก้อนต่องวดมากกว่ากำหนด เนื่องจากยังคงต้องจ่ายดอกเบี้ยเท่าเดิมอยู่ดี และคุณไม่ควรนำวงเงินในบัตรเครดิตใบที่ 3 มากลบหนี้ประเภทอื่น หรือแม้แต่บัตรเครดิตด้วยกัน เพราะบัตรเครดิตส่วนใหญ่มีดอกเบี้ยสูง
ทางออกที่ดีอีกทางหนึ่งของการชำระหนี้บัตรเครดิตคือการ โอนหนี้บัตรเครดิตที่มีดอกเบี้ยสูง กับสถาบันที่เป็นสมาชิกบัตร เพื่อเลือกบัตรใหม่ที่มีดอกเบี้ยตํ่ากว่าเดิม เงื่อนไขในการคิดดอกเบี้ยการโอนจะเป็นแบบคงที่ในระยะเวลาหนึ่งหรือตลอดระยะเวลาที่มีการผ่อนชำระหนี้
3. ปรับปรุงแก้ไขการใช้จ่ายของตนเอง
ให้เริ่มคิดจากรายได้ทั้งหมดที่มี แบ่งเป็นการเก็บออมสัก 10% รายจ่ายในชีวิตประจำวันสัก 30% เงินออมเผื่อฉุกเฉินสัก 5% และรายได้ที่เหลือให้นำไปจัดการกับหนี้สินที่ตนเองต้องจ่าย หรือยังค้างชำระอยู่ ยกเลิกการใช้บัตรเครดิตใบที่ยังไม่ได้ใช้เพื่อ ป้องกันการเกิดหนี้สินเพิ่มเติม จัดการหนี้บัตรเครดิตที่เหลือโดยด่วนที่สุด เพราะดอกเบี้ยจะเพิ่มขิ้นมาอย่างต่อเนื่องหากไม่มีการชำระคืนเงินต้นทั้งหมด ใช้วิธีซื้อสินค้าที่ต้องการด้วยเงินสดที่เก็บออม หัดพกเงินสดติดตัวเป็นนิสัย เพราะการใช้จ่ายผ่านเงินสดจะสามารถควบคุมการใช้ได้ง่ายกว่าการพกบัตรเครดิต และทำให้ไม่กังวลเรื่องหนี้สินในภายหลัง
4. ลดค่าใช้จ่ายในชีวิตลงบ้าง
เพื่อลดจำนวนเงินที่จะไหลออกไปโดยไม่จำเป็น ควรทำการจดบันทึกรายรับ และรายจ่าย ในแต่ละวันเพื่อทำการตรวจสอบว่ามีสิ่งใดที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตบ้าง สามารถตัดทิ้งไปได้หรือไม่ ยึดหลักการประหยัดไว้เป็นที่ตั้ง เช่น จอดรถไว้บ้าน ใช้บริการรถประจำทางหรือรถไฟฟ้าแทน ในยุคนํ้ามันแพงนี้ ดีกว่าขับรถไปติดอยู่กลางถนนเป็นเวลานานๆ การที่เรามีรถขับอาจจะดูสบาย แต่ถ้าเราเป็นหนี้แล้วยังไม่ปรับเปลี่ยนยังติดหรู เหมือนตัวเองไม่ได้เป็นหนี้ จะทำให้เราเก็บเงินไปโปะหนี้ไม่ทัน การขับรถไปทำงานไปกลับต้องเติมน้ำมันวันละเป็นร้อยบาท แต่ถ้าเรานั่งรถประจำทางอาจจะใช้เงินแค่ไม่เกิน 20-30 บาท ในกรณีที่เราเป็นหนี้อยู่ จะทำให้เราเก็บเงินแบบเก็บเล็กผสมน้อยไปได้เยอะขึ้น
5. เปลี่ยนทัศนคติใหม่ๆ ให้ชีวิต
ด้วยการมองปัญหาหนี้สินที่เกิดแบบแยกย่อย มองทีละด้าน พิจารณาทีละเรื่อง อย่านำเรื่องของหนี้สินทั้งหมดที่มีมารวมกัน เพราะมันจะกลายเป็นปัญหาของหนี้สินก้อนใหญ่ที่จะทำให้เกิดความท้อใจได้ง่าย และจะกลายเป็นปัญหาในชีวิตตามมา อาจจะเลยเถิดไปถึงปัญหาทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัว จนกระทั่งทำให้เรามีอาการเครียดสะสมจนนำไปสู่โรคต่างๆ ได้ ซึ่งถ้าเราทุกข์ตรงไหนมาก ก็ตัดทุกข์ในส่วนนั้นทิ้งไปก่อน พลิกแพลงชีวิตสู่วิถีที่เรียบง่าย ศึกษาวงจรชีวิตต้นแบบจากผู้ที่มีความสุขอยู่ได้บนรายได้น้อยๆ โดยไม่เดือดร้อนเรื่องหนี้สิน แม้มีเงินน้อยก็มีความสุขได้ คนเป็นหนี้อาจจะต้องใช้ชีวิตแบบพอเพียง มีอะไรแบบพอเพียง ไม่ฟุ้งเฟ้อจนเกินไป
6. ออมก่อน ผ่อนทีหลัง
การเก็บเงินเพื่อซื้อสิ่งของที่ต้องการด้วยเงินสด มีผลดีตรงที่ไม่ต้องจ่ายเงินมากเกินจริงกับอัตราดอกเบี้ยจากการผ่อนชำระ สินค้าที่ได้จะมีราคาถูกกว่ามากเมื่อซื้อด้วยเงินสด นอกจากนี้ยังเป็นการฝึกฝนความอดทนและความมีวินัย จากการอดออมอย่างมีเป้าหมายบนการรอคอย เป็นการฝึกตัวเองไม่ให้ต้องตามไปใช้หนี้ก้อนโตในภายหลัง ซึ่งถึงเวลาต้องชำระแล้วถ้าเกิดเงินขาดมือขึ้น จะทำให้ตามแก้เรื่องหนี้กันยากยิ่งขึ้น
7. ทำอย่างไรเมื่อถูกติดตามทวงถาม
การหนีหน้าเจ้าหนี้โดยไม่มีการเข้าไปเจรจาประนอมหนี้ หรือขาดการติดต่อ ฝ่ายเร่งรัดหนี้สินจะถูกส่งมาติดตามทวงถามตามแหล่งหลักฐานที่มีการให้ไว้ตั้งแต่วันเริ่มทำสัญญาขอสินเชื่อ รูปแบบการติดตามถามหนี้ของเจ้าหนี้จะไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นหนี้นอกระบบอาจจะถูกข่มขู่ด้วยวาจาทางโทรค้พท์ หรือส่งเจ้าหน้าที่มีหน้าตาดุออกมาทวงหนี้ หรือหนี้ในระบบอาจจะส่งเป็นจดหมายมา แต่เค้าจะไม่มีอำนาจใดๆ มายึดทรัพย์สินคุณได้ นอกจากจะมีการฟ้องร้องต่อศาลแล้วเท่านั้น แต่กรณีการเช่าซื้อรถยนต์ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้สินสามารถยึดรถกลับไปได้เลย เนื่องจากกรรมสิทธิ์การยึดครองยังเป็นของเจ้าหนี้อยู่ จนกว่าจะมีการผ่อนชำระคืนเงินหมดแล้วเจ้าหนี้จึงจะโอนกรรมสิทธึ้ให้ลูกหนี้
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับวิธีปลดหนี้ ทางที่ดีอย่ามีหนี้จะดีที่สุดครับ จะได้ไม่ลำบากในภายหลัง การถือเงินสดอยู่ในมือเป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้วครับ