ความหมายของคำว่า “การตลาด” ถูกตีความออกเป็นหลากหลายความหมายตามความเชื่อและแนวทางการวางแผนของตนและก่อนจะมาเป็นแนวทางการวางแผนกาตลาดแบบ “Holistic marketing” หรือการทำการตลาดองค์รวม การให้ความสำคัญกับทุกแง่มุมของธุรกิจและองค์กรนั่นเรียกว่าคำว่าการตลาดนี้สามารถแบ่งได้เป็นยุคสมัยดังนี้
ย้อนกลับไปถึงปีคริสต์ศักราช 1950 คำว่าการตลาดในยุคนั้นได้ถูกหยิบยกมาเพื่อใช้ควบคุมธุรกิจโดยการขับเคลื่อนของการผลิตเป็นหลักยิ่งสามารถควบคุมการผลิตได้ต้นทุนต่ำและมีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ก็ยิ่งประสบความสำเร็จมากเท่านั้นต่อมาในปี คริสต์ศักราช 1960 สภาพทางสังคมมีการพัฒนาขึ้นไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลักการตลาดยุคนั้นจึงมีการให้ความสำคัญกับตัวสินค้ามากขึ้น เช่นเดียวกันภายในปีคริสต์ศักราช 1960 เป็นต้นมา การแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นของตลาดในโลกตะวันตกทำให้ความหมายของการตลาดเปลี่ยนไปจากเดิมค่อนข้างมาก และนั้นคือการนำเสนอสินค้า หรือช่องทางการขายและการสร้างสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าถือว่าเป็นวิธีการที่ดีสำหรับการขับเคลื่อนการตลาดสำหรับแนวคิดนี้
นับตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 1970 เป็นต้นมาการให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูล การทำการวิจัยปัจจัยต่างต่างมีการหยิบยกและให้ความสำคัญกับการตลาดองค์รวมมากขึ้นตั้งเช่นปัจจุบันนอกจากนี้ในช่วง คริสต์ศักราช 1980 ในยุคทองของการพัฒนาอุตสาหกรรมรมของเป็นช่วงที่มีแนวคิดยุคใหม่ทางตลาดเกิดขึ้นมากมายและในปีคริสต์ศักราช 1990 ได้แนวคิดแนวใหม่ซึ่งเกิดการขั้นแย้งจากนักธุรกิจหลายท่านในยุคนั้นว่าอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ นั้นคือการตลาดเชิงสังคมหรือการสร้างภาพลักษณ์อันดีของธุรกิจ ขององค์กรต่อสังคมเมื่อแนวคิดนี้ได้ถูกนำมาใช้ขับเคลื่อนการตลาด หลายองค์กรถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างง่ายดาย
โดยคำว่าการสร้างการตลาดองค์รวมหรือ “Holistic Marketing” ถือเป็นการนำความหมายของคำว่าการตลาดมาแบ่งแยกออกเป็น 4 ส่วนหลักนั้นก็คือ
การตลาดภายในองค์กร หรือการสร้างและส่งเสริมประสิทธิภาพของทีมงานภายใน เรียกได้ว่าการยกแผนการตลาดมาเป็นพลังขับเคลื่อนธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้นสายพานการผลิตจนถึงขั้นตอนสุดท้ายของเมื่อสินค้าหรือบริการนั้นถูกส่งถึงมือผู้รับอย่างผู้บริโภค และนั้นก็หมายความว่าการตลาดสามารถเป็นได้ทั้งฝ่ายบุคคล ฝ่ายบริหารและฝ่ายผู้ปฏิบัติงาน
การตลาดแบบบูรณาการ หรือการตลาดที่ถูกสร้างมาเพื่อควบคุมด้วยหลัก 4P ซึ่งประกอบด้วย Product Prices Place Promotion ตามพื้นฐานของการตลาดที่เรียนกันมานั้นจะเห็นได้ว่าแทบทุกบทเครื่องมือการตลาดล้วนแล้วเป็นนำ 4P มาแตกออกและขยายความเพียงเท่านั้น
การตลาดแนวการสร้างความสัมพันธ์ หรือเรียกอีกอย่างว่า “Customer Relationship Management” และนั้นรวมไปถึงการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า ผลตอบรับของลูกค้าในแง่มุมต่างๆ
ส่วนสุดท้ายของรูปแบบการตลาดที่จะพูดพึงนั้นก็คือ การตลาดเพื่อสังคมหรือ การที่สร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมรอบตัว
ทั้งสี่ส่วน ทั้งองค์ประกอบนี้เรียกได้ว่าถูกผนวกเข้าด้วยกันจะส่งผลเอื้อต่อการดำเนินทุกกิจกรรมทางธุรกิจและองค์กรเพื่อความก้าวหน้าและบรรลุเป้าหมายที่วางไว้