สูตรวิธีทำเค้กฝอยทอง พร้อมคำแนะนำในการขายเค้กฝอยทอง

 

เมื่อเอ่ยถึง เค้กฝอยทอง หลายๆ ท่านที่เคยทาน ก็คงจะนึกถึงความอร่อยของเค้กฝอยทองได้เป้นอย่างดี ในบทความนี้ก็จะขอเอาใจท่านที่ชื่นชอบเค้กฝอยทอง จะเป้นวิธีการทำ และก็จะเป็นวิธีการขายเค้กฝอยทอง เชิญติดตามอ่านกันได้เลยครับ

สูตรวิธีการทำเค้กฝอยทอง สูตรที่ 1 (ชิฟฟ่อนฝอยทอง 2 ปอนด์)

ส่วนผสม

– ฝอยทอง 200 กรัม
– แป้งเค้ก 60 กรัม
– นมผง ¾ ช้อนโต๊ะ
– เกลือ ¼ ช้อนชา
– ผงฟู ¾ ช้อนชา
– น้ำมันดอกทานตะวัน 30 กรัม (ใครไม่มีจะใช้น้ำมันพืชอะไรก็ได้นะครับ)
– ไข่ไก่ (เบอร์ 0) 2 ฟอง
– นมข้นจืด 25 กรัม
– กะทิสด 20 กรัม
– กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
– ครีมออฟทาทาร์ ¼ ช้อนชา
– น้ำตาลทรายป่น 45 กรัม
– น้ำตาลทราย 45 กรัม

วิธีการทำ

– วอร์มเตาที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ทั้งไฟบนไฟล่างนะครับ
– วางถาดใส่น้ำขนาดที่พอใส่พิมพ์ 2 ปอนด์ได้ ไว้ในเตาอบตั้งแต่ตอนเริ่มเปิดเตาเลยนะครับ อุณหภูมิในเตาจะได้สม่ำเสมอ เวลาเอาเค้กใส่อบครับ ระดับน้ำเอาสูงแค่ 0.5-1 เซนติเมตรพอครับ
– เตรียมพิมพ์ขนาด 2 ปอนด์ อย่าลืมปูรองด้วยกระดาษไขนะครับ
– วางฝอยทองที่ยีจนแตกตัวให้ทั่วพิมพ์ กดให้แน่นเสมอกัน พักไว้ (จริงๆ หนาบางเท่าไร เอาที่เราชอบเลยนะครับ แต่ไม่ควรเกิน 0.5 เซนติเมตรนะครับ เดี๋ยวเค้กสุกยาก)
– ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู น้ำตาลทรายป่น นมผง และเกลือ ลงในชามผสมใบใหญ่ ทำเป็นหลุมๆ คล้ายป่องภูเขาไฟ พักไว้
– แยกไข่แดงออกจากไข่ขาว ใช้แร็ปพลาสติกใส (หรืออะไรก็ได้) ปิดไข่ขาวไว้ไม่ให้โดนลม เดี๋ยวหน้ากระด้างนะครับ
– นำไข่แดงที่ได้ ใส่ชามผสมใบเล็ก ตามด้วยน้ำมันดอกทานตะวัน นมข้นจืด กะทิสด และกลิ่นวานิลลา คนผสมด้วยตะกร้อมือจนเข้ากันดี
– เสร็จแล้วเทส่วนผสมไข่แดงลงในของแห้งที่เตรียมไว้ คนจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียวด้วยตะกร้อมือนะครับ แต่อย่าคนแรงมากไป เอาแค่มองไม่เห็นแป้งเป็นเม็ดๆ ก็ใช้ได้แล้วครับ ปิดฝา อย่าให้โดนลม
– ที่นี้เรามาจัดการกับไข่ขาวที่แยกไว้ โดยเอาไข่ขาวใส่ในชามผสม ตามด้วยครีมออฟทาทาร์ ใช้เครื่องตีหัวตะกร้อตี ค่อยๆ เพิ่มสปีดความเร็วไปที่ระดับกลาง ตีจนเป็นฟองหยาบๆ
– ค่อยๆ เทน้ำตาลทรายส่วนที่เหลือลงไปทีละครึ่ง เพิ่มสปีดความเร็วไปที่ระดับสูง ตีจนได้ครีมตั้งยอดอ่อนเกือบแข็ง ก็ลดระดับความแรงของเครื่องตีลงต่ำนะครับ เพื่อตัดฟองอากาศ เนื้อเค้กจะได้เนียนละเอียดครับ ทีนี้ก็ได้เป็นเมอแรงค์ไข่ขาวแล้ว
– นำส่วนผสมของเมอแรงค์ไข่ขาวที่ได้ ใส่ในส่วนผสมไข่แดง ค่อยแบ่งใส่ 2-3 ครั้งก็ได้นะครับ ตะล่อมๆ อย่างเบามือครับ เนื้อเค้กจะได้ไม่แน่น พอเข้ากันเป็นเนื้อเดียวแล้วก็นำมาเทใส่พิมพ์ ที่มีฝอยทองปูรองก้นไว้ได้เลยครับ เวลาเท ให้เทต่ำนะครับ เค้กจะได้ไม่ยุบตัว
– นำเค้กเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส โดยวางไว้ในถาดที่เราหล่อน้ำเอาไว้ครับ
– อบนานประมาณ 20-25 นาทีนะครับ พอสังเกตว่าเค้กสุกแล้ว ยกออกจากเตาแล้วคว่ำลงบนตะแกรงทันทีเลยครับ ไม่งั้นเค้กจะยุบตัวลงไปอีก
– พักไว้ให้เย็นนะครับ ก่อนเอาเข้าตู้เย็น ใส่กล่องหรือจะทานตอนที่เย็นแล้วก็ได้เลยนะครับ

สูตรวิธีการทำเค้กฝอยทอง สูตรที่ 2 (เค้กฝอยทองใบเตย ครีมสด)

ส่วนผสมตัวเค้ก

– แป้งเค้ก 100 กรัม
– แป้งข้าวโพด 10 กรัม
– ผงฟู 1 ช้อนชา
– ใบเตย 5 ใบ
– น้ำเปล่า 30 มิลลิลิตร
– ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 3 ฟอง
– น้ำตาลทราย 80 กรัม
– สารเสริม SP 10 กรัม
– เนยสดเค็ม ละลาย 80 กรัม
– กะทิสด 20 กรัม
– นมข้นจืด 20 กรัม

ส่วนผสมครีมสดกะทิ

– Diary Cream 1 ถ้วยตวง
– Non Diary Cream 1 ถ้วยตวง
– น้ำมะพร้าวอ่อน (แช่เย็น) ¼ ถ้วยตวง

วิธีการทำ

– ร่อนแป้งเค้ก แป้งข้าวโพด และผงฟู รวมกัน เอาไปผึ่งแดดประมาณ 30 นาที
– วอร์มเตาอบ ไฟบไฟนล่าง ไม่เปิดพัดลมนะครับ วอร์มไว้ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสครับ
– เตรียมพิมพ์ขนาด 9 นิ้ว หรือ 3 ปอนด์ วางกระดาษไขรองก้นนะครับ
– ปั่นใบเตยกับน้ำเปล่า นำมาคั้นให้ได้น้ำ 30 มิลลิลิตรนะครับ ถ้าไม่ถึง ก็ให้เดิมน้ำเพิ่มได้ครับ
– นำน้ำใบเตยที่ได้ ใส่อ่างผสม ตามด้วยไข่ไก่ สารเสริม SP ใช้ที่ตีหัวตะกร้อตีที่สปีดกลาง ค่อยเทน้ำตาลลงทีละครึ่งส่วน ปรับความเร็วสปีดสูงสุด ตีจนเนื้อเค้กหนืดข้นนะครับ
– ปรับสปีดความเร็วลงต่ำสุด เติมส่วนผสมแป้งลงไป แบ่งใส่ 2-3 ครั้งก็ได้นะครับ พอใส่หมด ปรับความเร็วเครื่องเป็นสปีดกลางครับ ตีนาน 1 นาที
– เมื่อครบ 1 นาทีแล้ว เบาสปีดกลับมาที่ความเร็วต่ำสุดเช่นเดิมนะครับ นำนมข้นจืดใส่ลงไป ตามด้วยกะทิ และเนยสดละลาย นานประมาณ 1 นาที
– ปิดเครื่องปาดอ่างครับ ใช้พายตะล่อมให้ถึงก้นอ่างนะครับ พอเข้ากันดีแล้วเทลงพิมพ์ครับ เตรียมเอาเข้าเตาอบได้เลย
– เช็คอุณหภูมิที่ 180 องศาเซลเซียสนะครับ อบนาน 30 นาที พอเค้กสุกดีแล้ว เอาออกตากเตาอบครับ
– รีบเอาออกจากพิมพ์ มาพักให้หายร้อนที่ตะแกรงพัก รอแต่งหน้าเค้กกันครับ
– ทำส่วนผสมของครีม Non Diary Cream และน้ำมะพร้าวอ่อนที่แช่เย็น ตีผสมกันจนตั้งยอดแข็งแล้ว นำวิปครีมแบบ Diary Cream ค่อยเทลงไป ตีจนตั้งยอด ได้ที่แล้วนำมาปาดแต่งเค้กได้เลยครับ
– ขั้นตอนสุดท้ายทำฝอยทองที่เตรียมไว้มาแต่งหน้าเค้กตามชอบ หรือใครจะใส่ลูกชุบ หรือขนมไทยอะไรเพิ่มก็เก๋ไปอีกนะครับ จัดใส่จาน ยกเสิร์ฟ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วหล่ะครับ

การบรรจุกล่องเค้กฝอยทอง

– ให้บรรจุเค้กฝอยทองในภาชนะบรรจุที่สะอาด ปิดได้สนิท และสามารถป้องกันการปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกที่อยู่ภายนอกได้
– น้ำหนักสุทธิ หรือจํานวนชิ้นของเค้กฝอยทองในแต่ละภาชนะบรรจุต้องไม่น้อยกว่าที่ระบุไว้ที่ฉลาก

เครื่องหมาย และฉลากเค้กฝอยทอง

ที่ภาชนะบรรจุเค้กฝอยทองทุกหน่วย อย่างน้อยต้องมีเลข อักษร หรือเครื่องหมายแจ้งรายละเอียดต่อไปนี้ ให้เห็นได้ง่าย ชัดเจน

– ชื่อผลิตภัณฑ์ เช่น เค้กฝอยทองหอมหวาน เค้กฝอยทองแสนอร่อย
– ส่วนประกอบที่สำคัญ
– น้ำหนักสุทธิ หรือจำนวนชิ้น
– วัน เดือน ปีที่ผลิต และวัน เดือน ปีที่หมดอายุุ หรือข้อความว่า “ควรบริโภคก่อน (วัน เดือน ปี) ”
– ข้อแนะนำในการเก็บรักษา เช่น ควรเก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
– ชื่อร้าน หรือบริษัท หรือสถานที่ทำ พร้อมสถานที่ตั้ง หรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
– ในกรณีทีใช้ภาษาต่างประเทศ ต้องมีความหมายตรงกับภาษาไทยที่กำหนดไว้ข้างต้น

การขายเค้กฝอยทอง

ในส่วนี้ ผมก็ขอจะแนะนำการเปิดร้านเค้กฝอยทอง นั่นคือทั้งร้านจะมีแต่เค้กฝอยทองครับ มาติดตามอ่านต่อได้เลยครับ

สำหรับการทำธุรกิจธุรกิจ ก็ต้องมีจุดเริ่มต้น เริ่มแรก เราก็ต้องถามตัวเราก่อน ว่าจะจริงจังลงทุนทำในธุรกิจนี้มั้ย เพราะคนประสบความสำเร็จก็มี คนล้มเหลวก็มี ถ้ามั่นใจว่าจะทำ ไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว เราก็ต้องไปศึกษาตำราเค้กฝอยทองที่มีทั้งของไทย และต่างประเทศ ศึกษาให้ทะลุปุโปร่ง ว่าเค้ามีเมนูเค้กฝอยทอง ที่มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ในร้านเราจะมีเมนูเค้กฝอยทองชนิดใด เราจะต้องฝึกทำเค้กฝอยทองจนชำนาญ และอร่อย อาจจะเพื่อนๆ หรือญาติพี่น้องลองชิมดู ว่าทานแล้วรู้สึกอย่างไร เราจะได้มาข้อดีและข้อด้อยมาปรับปรุงสูตรของเราต่อไป

ขั้นต่อมา ก็คือการหาทำเลแหล่งชุมชนที่มีคนพลุกพล่าน เช่น หน้าโรงเรียน หน้ามหาวิทยาลัย หรือไปจับจองดูพื้นที่ในห้างสรรพสินค้า เมื่อได้ทำเลแล้วต่อไปก็ทำการตลาด ซึ่งการทำตลาดตอนนี้มีมากมายหลายวิธี การตลาดออนไลน์ก็น่าสนใจ ลองศึกษาดูนะครับ

เมื่อเรามีทำเล และมีหน้าร้านแล้ว ในตอนเริ่มแรก เราอาจจะขายแค่หน้าร้านอย่างเดียว และการที่มีลูกค้าซื้อเค้กฝอยทองของเรากลับบ้าน เราก็ต้องใส่กล่องให้สวยงาม ติดชื่อแบรนด์ของเราให้เรียบร้อย

เมื่อเราทำการตลาด จนร้านเราเริ่มมีชื่อเสียงแล้ว เราอาจจะฝากขายไปยังร้านขนมไทย หรือร้านขนมหวานที่ดังๆ มีชื่อเสียง เพื่อเป็นการกระจายรายได้ของเราเพิ่มมากขึ้น

และสุดท้ายก็คือการขายขยายสาขา เมื่อสาขาประสบความสำเร็จแล้ว มีกำไรเหลือเฝือแล้ว การมีสาขาที่สอง สาขาที่สาม นั่นเป็นความคิดที่ดี วิธีการสร้างสาขาที่สอง ก็ให้ทำเหมือนสร้างสาขาแรก ซึ่งถ้าทำสาขาแรกประสบความสำเร็จแล้ว สาขาที่สองก็น่าจะไม่ยากจนเกินไป แต่เราต้องดูแลให้ทั่วถึง และหาลูกน้องที่ไว้ใจได้ทั้งสองสาขา เพราะเราอาจจะสลับไปๆ มาๆ ระหว่างสองสาขานี้ และแน่นอนว่าสองสาขาประสบความสำเร็จ ก็ต้องมีสาขาสาม สี่ ห้า ตามมา อยู่ที่ว่าเราจะทำไหวหรือเปล่า หรือทำแค่สาขาเดียวพอกินพออยู่พอ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา เจ้าของธุรกิจครับ

error: Content is protected !!