ส้มเขียวหวานมีลักษณะกลมมน ผิวเรียบ เนื้อภายในเป็นสีส้มอมทอง ฉ่ำน้ำ ให้คุณค่าทางยาและโภชนาการสูง นิยมรับประทานสดหรือคั้นเป็นน้ำผลไม้ที่ได้ความนิยมอย่างมากทั้งในและต่างประเทศ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับผลไม้ที่มากไปด้วยสรรพคุณอย่างส้มเขียวหวานให้ลึกซึ้งกันดีกว่าครับ
สภาพแวดล้อมในการปลูกส้มเขียวหวาน
ดินร่วน ดินร่วนปนทราย ดินเหนียวที่มีการปรับปรุงสภาพให้เหมาะสมสามารถเพาะปลูกส้มเขียวหวานให้เจริญเติบโตได้ดี โดยปกติส้มเขียวหวานจะปลูกได้ดีในดินที่ระบายน้ำได้ดีจึงควรมีแหล่งน้ำอย่างเพียงพอแต่ไม่ชอบบริเวณที่มีน้ำขัง ซึ่งจะนำมาสู่ปัญหาโรครากเน่า โคนเน่า ดังนั้นดินควรมีสภาพความเป็นกรด-ด่างประมาณ 5.7-6.9
การเตรียมพื้นที่ในการปลูก
• การปลูกส้มเขียวหวานบนพื้นที่ลุ่ม นิยมปลูกแบบยกร่อง โดยแปลงดินหลังร่องมีขนาดกว้างประมาณ 6 เมตร ร่องน้ำกว้างประมาณ 1.50 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร ด้านล่างของร่องน้ำกว้างประมาณ 0.7 เมตร ความยาวไม่จำกัดแนวแปลงว่าอยู่เหนือ-ใต้ เมื่อทำการปรับพื้นที่เสร็จแล้วให้ตากดินไว้จนแห้งประมาณ 1-2 เดือน
• การปลูกส้มเขียวหวานบนพื้นที่ดอน ไม่จำเป็นต้องปลูกแบบยกร่อง แต่ก่อนการปลูกต้องเตรียมปรับพื้นที่หน้าดินให้เรียบและไถกลบให้ลึกเพื่อให้ได้ดินที่ร่วนซุยสัก 2 ครั้งโดยเว้นระยะปลูกประมาณ 5.5-6 x 5.5-6 เมตร ในพื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกส้มเขียวหวานได้ประมาณ 45-50 ต้น
วิธีการปลูกส้มเขียวหวาน
1. ส้มเขียวหวานควรจะปลูกในช่วงต้นฤดูฝน
2. ควรขุดหลุมในการปลูกให้มีความกว้าง ยาว ลึกประมาณ 50 เซนติเมตร
3. ผสมดินปลูกด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายดีแล้วและปุ๋ยร็อคฟอสเฟส คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วกลบลงในหลุมให้สูงประมาณ 2 ใน 3 ของหลุม
4. ยกถุงต้นกล้าส้มเขียวหวานลงใส่หลุมโดยให้ดินในถุงอยู่สูงกว่าระดับปกติเล็กน้อย
5. ใช้มีดกรีดจากก้นถุงมาถึงข้างบนถุง โดยอย่าให้ดินแตกออกจากกัน
6. กลบดินที่เหลือลงหลุมและกดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น
7. ทำสัญลักษ์ เช่น นำไม้มาปักไว้หรือหาเชือกผูกไว้เพื่อป้องกันลมโชก
8. ใช้ฟางหรือหญ้าแห้งคลุมบริเวณโคนต้นไว้
9. หมั่นรดน้ำให้ชุ่มตลอด พรางแสงแดดโดยการทำร่มเงาให้
การให้น้ำ
การให้น้ำเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับการดูแลรักษา เพราะฉะนั้นการให้น้ำจึงจำเป็นอย่างมาก เมื่อขาดน้ำก็จะทำให้ต้นไม้เหี่ยวเฉา ไม่เจริญเติบโต และอาจมีโรคและแมลงต่างๆ ช่วงระยะแรกปลูกควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์เมื่อส้มเริ่มปรับสภาพและเจริญเติบโตขึ้นก็สามารถเว้นวันต่อวันได้ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเจริญเติบโตและสภาพทั่วๆไป เมื่อมีการติดผลก็ให้น้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงระยะที่ผลเริ่มแก่ เมื่อผลเริ่มเป็นสีก็ลดปริมาณน้ำลงเพื่อช่วยทำให้ผลส้มแก่เร็วขึ้น สามารถให้น้ำได้หลายทางขึ้นอยู่กับสภาพของแต่ละพื้นที่ เช่น ทางสายยาง สปิงเกอร์ เรือรดน้ำ เป็นต้น
การค้ำ/ตัดต่อกิ่ง
เมื่อส้มเขียวหวานเริ่มติดผลควรทำการค้ำกิ่ง เพื่อป้องกันการฉีกขาดหรือหัก ยิ่งเมื่อเกิดลมพายุจะมีความเสี่ยงต่อการฉีกหักมากขึ้น เนื่องมาจากผลที่ติดมีน้ำหนักมากขึ้นต่อแรงเหวี่ยงสูงมาก นอกจากนี้ยังช่วยยกระดับผลให้สูงขึ้นจากพื้นดินเพื่อลดความเสียหายอันเนื่องมาจากโรคและแมลงได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิธีตัดแต่งกิ่งได้ โดยใช้ กรรไกรตัดแต่งกิ่ง เลื่อย มีด โดยตัดแต่งกิ่งแขนงที่รกทึบด้านล่างและกลางต้น เพื่อให้แสงแดดส่องถึงโคนต้นได้
โรคและแมลง
โรคและแมลงเป็นศัตรูต่อการเจริญเติบโตของส้มเขียวหวาน ปริมาณและผลผลิตเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถเข้าทำลายได้ทุกระยะการเจริญโตและเข้าทำลายได้ทุกส่วนของต้นส้มเขียวหวาน โรคและแมลงศัตรูที่สำคัญได้แก่ โรครากเน่าโคนเน่า เพลี้ยหนอนชอนใบ เป็นต้น ดังนั้นจึงควรมีการกำจัดวัชพืชอยู่สม่ำเสมอไม่ควรปล่อยให้วัชพืชขึ้นรกตามแปลง โดยใช้เครื่องตัดหญ้าแบบสะพายข้างตัดต้นวัชพืชแทนการใช้สารเคมีเพราะต้นส้มเขียวหวานมีรากที่ตื้นจึงอาจได้รับอันตรายจากสารเคมีได้ง่ายครับ
การเก็บเกี่ยวผลผลิต
ผลส้มเขียวหวานสามารถเก็บผลผลิตได้เมื่อต้นส้มเขียวหวานมีอายุได้ประมาณ 8-10 เดือนนับจากเกิดดอก สามารถเก็บเกี่ยวโดยใช้กรรไกรคมๆตัดที่ก้านผล ไม่ควรดึงเพราะจะทำให้ขั้วแยกจากส่วนเนื้อและนำมาสู่การเกิดโรคผลเน่าภายหลังจากที่เก็บเกี่ยวแล้ว
จะเห็นได้เลยว่าการปลูกส้มเขียวหวานไม่ว่าจะไว้ทาน หรือออกขายไม่ใช่เรื่องยากอีกเลย เพียงปฏิบัติคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ มีหลักการ ที่สำคัญคือจะต้องให้ความสนใจ และดูแลอย่างใกล้ชิด คอยประคบประหงม รู้จักสังเกตถึงความผิดปกติและความเปลี่ยนแปลง เพียงเท่านี้ก็จะได้ชื่นชมผลผลิตทีน่าภาคภูมิใจแล้วครับ