วิธีการรับจำนำโทรศัพท์มือถือ

ในยุคที่การสื่อสารก้าวหน้าจนเรียกได้ว่าประชากรแทบทุกคนต้องมีโทรศัพท์มือถือพกติดตัว ทำให้อุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือขยายตัวมากขึ้น โทรศัพท์มือถือมีมากมายหลายแบบให้เลือกซื้อ หรือเปลี่ยน จนทำให้ร้านขายโทรศัพท์มือถือต่างผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ซึ่งร้านขายโทรศัพท์มือถือเหล่านี้นอกจากรายได้หลักจากการขายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริมแล้ว ปัจจุบันยังมีอาชีพเสริมอีกอย่างหนึ่งขึ้นมาซึ่งนั่นก็คือการรับจำนำโทรศัพท์มือถือนั่นเอง

การรับฝากมือถือหรือถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือการรับจำนำมือถือ เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับร้านขายโทรศัพท์มือถือได้ดีอยู่ไม่น้อย ด้วยว่าเป็นการให้ลูกค้านำโทรศัพท์มือถือที่ตนมีหรือเป็นเจ้าของมาจำนำไว้เพื่อรับเงินสดไปและกลับมาไถ่ถอนคืนไปพร้อมดอกเบี้ย

หลักการรับจำนำโทรศัพท์มือถือของร้านขายโทรศัพท์มือถือทั่วไป มักจะเป็นการต่อดอกเบี้ยทุกสัปดาห์ จนกว่าจะมีการไถ่ถอนโดยมีการคิดอัตราค่ารับฝากอยู่ที่ 5-10% ตามแต่ตกลง โดยโทรศัพท์มือถือที่รับจำนำส่วนใหญ่จะเป็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อมาตรฐาน อาทิเช่น iPhone Samsung LG BlackBerry เป็นต้น ส่วนโทรศัพท์มือถือระดับรองลงมาส่วนใหญ่ร้านค้าไม่นิยมรับจำนำ

การให้บริการรับจำนำโทรศัพท์มือถือนี้ ทางร้านค้าที่รับจำนำก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับความเสี่ยงสูงอยู่เช่นกัน เพราะหากลูกค้าไม่มาไถ่ถอนคืนทำให้ร้านค้าต้องสูญเสียเงินดังกล่าวไป และได้โทรศัพท์มือถือมาแทน ซึ่งหากโทรศัพท์ที่เราได้มานั้นเป็นโทรศัพท์ใกล้จะฟัง หรือมีตำหนิมากก็จะทำให้ร้านค้าขาดทุนจึงต้องทำให้มีการตั้งราคารับจำนำไว้อยู่ที่ประมาณ 30-35% ของราคาปัจจุบัน อีกทั้งร้านค้าที่รับจำนำยังต้องตรวจตราให้ถ้วนถี่ถึงสภาพ และตำหนิของโทรศัพท์ที่มารับฝากก่อนทุกครั้งด้วยเพื่อความเป็นมาตรฐานในการตีราคารับจำนำ

ปัจจุบันร้านค้าที่รับจำนำโทรศัพท์มือถือบางร้านได้ขยับขยายจากการรับจำนำโทรศัพท์มาถือมาเป็นรับจำนำแทบเลต เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุคส์ และในบางร้านอาจจะรับจำนำกล้องดิจิตัลอีกด้วย

สำหรับแหล่งหรือสถานที่เหมาะกับกิจการรับจำนำโทรศัพท์มือถือนั้น นอกจากตามแหล่งซื้อขายโทรศัพท์มือถืออย่างมาบุญครอง ตะวันนา หรือคลองถมแล้วตามสถานที่ๆ ใกล้กันกับสถานบันเทิงบางที่ก็มีผู้ใช้บริการอยู่มากเช่นกัน เช่น แถวรัชดา แถวหอนาฬิกาห้วยขวางเป็นต้น

มีคำแนะนำสำหรับผู้ที่คิดจะประกอบอาชีพรับจำนำโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ว่าคุณควรที่จะมีความรู้ในเรื่องของอุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์เหล่านั้นอยู่บ้าง เพื่อไม่ให้ถูกลูกค้าย้อมแมวขาย อีกทั้งเงินที่นำมาลงทุนควรที่จะเป็นเงินเย็นหรือเป็นเงินที่ไม่ได้มีโครงการที่จะนำไปใช้จ่ายอะไรในระยะสั้นๆ เพราะเราเองก็ไม่ทราบได้เช่นกันว่าลูกค้าจะมาไถ่ถอนโทรศัพท์คืนเมื่อไหร่

error: Content is protected !!