วิธีขายโมบายกะลามะพร้าวให้ประสบความสำเร็จ

ถ้าใครได้มีโอกาสไปเที่ยวเกาะสมุย คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ไม่เคยเห็นคนถือโมบายรูปสัตว์ต่างๆ ที่ทำจากกะลามะพร้าว เร่ขายฝรั่งตามชายหาด หรือตามร้านขายของที่ระลึกต่างๆ หรือประดับตกแต่งตามโรงแรมบางแห่ง จากการสอบถามราคาพบว่า ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 200บาท ขึ้นไป ถ้าซื้อหลายอันคนขายก็ลดให้ แต่ใครจะรู้บ้างว่า กว่าจะทำได้สักอัน ต้องอาศัยความพยายาม ความคิดสร้างสรรค์ และความพิถีพิถันกันพอสมควร

โมบายรูปสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นก ไก่ ดอกไม้ แมลงปอ ผีเสื้อ ปลา ฯลฯ ล้วนทำมาจากกะลามะพร้าว และวัสดุธรรมชาติ พืชผลไม้จากท้องถิ่น หรือแม้แต่ขนจากไก่ หรือเป็ด ซึ่งแล้วแต่จะหามาได้ ได้ถูกนำมาประกอบเป็นโมบาย จุดเด่นอยู่ที่ เมื่อมีลมพัดมา หางของนก หรือสัตว์ต่างๆ จะหมุนตามแรงลมทำให้รู้สึกเหมือนโมบายมีชีวิต ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะถ้าหากครอบครัวนั้นมีเด็กๆ ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ขายได้หลายอัน และเมื่อแขวนหลายๆ อัน ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือน มีเหล่าสัตว์ปีกและแมลงบินอยู่รอบๆ ตัว

วัสดุอุปกรณ์

เครื่องขัดหินเจียร ตะไบหยาบ สว่านมือ ค้อน กระดาษทรายเบอร์ต่างๆ คันเลื่อยฉลุ ใบเลื่อยฉลุ ไขควง กาวลาเท็กซ์หรือกาวตราช้างหรือกาวร้อน แลคเกอร์ พู่กันเบอร์ใหญ่ เทียนไข ขี้ไต้ ไม้สนนอกหรือตะปู

แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์

ร้านจำหน่ายเครื่องมือช่างไม้ทั่วไม้ ส่วนกะลามะพร้าวมีขายที่สวนมะพร้าว โรงงานสกัดน้ำมันมะพร้าว

ต้นทุน

ประมาณ 4000บาท ขึ้นไป

รายได้

ราคาขายตั้งแต่อันละ 200 บาท ขึ้นไปแล้วแต่แบบ (ต้นทุนต่ออันประมาณ 100 บาท)

ขั้นตอนการทำ

1. การเตรียมกะลามะพร้าว ทำได้โดยปอกเปลือกมะพร้าวออก และเจาะเอาน้ำมะพร้าวออกให้หมด จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน ให้เนื้อด้านในล่อน แล้วจึงใช้มีดแคะเนื้อมะพร้าวสีขาวออกมา การเลือกกะลาที่เหมาะจะนำมาใช้งานนั้น ให้เลือกใช้กะลาที่มีความหนาพอสมควร ไม่หนาหรือบางจนเกินไป มีความโค้งไม่มาก ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบงาน
2. เมื่อได้กะลาที่มีขนาดและรูปทรงตามต้องการแล้ว ให้นำกะลามะพร้าวที่ได้ มาทำการขัดผิวให้เรียบด้วยเครื่องขัดหรือ เครื่องเจียร จากนั้นทำการตรวจเช็คและขัดด้วยกระดาษทราย เพื่อขจัดเศษเสี้ยนของกะลามะพร้าวออกไป
3. นำกะลามาผ่าซีกหรือตัดให้ได้ตามชิ้นส่วนของแบบที่ได้ออกแบบไว้ โดยอาจจะตัดเป็นชิ้นส่วนไว้ทีเดียวพร้อมกัน แล้วจึงค่อยนำมาประกอบภายหลังก็ได้
4. เมื่อได้ส่วนประกอบครบถ้วนแล้ว ก็ให้นำไม้สนนอกมาเหลาเพื่อทำเป็น “สลักยึด” เพื่อใช้แทนตะปู โดยอาจทำไว้ทีเดียวหลาย ๆ ขนาดเหมือนกับขั้นตอนการทำชิ้นส่วน จากนั้นเมื่อได้ส่วนประกอบและสลักยึดครบแล้วก็นำมาประกอบกัน ให้ได้ตามแบบที่ต้องการ
5. การประกอบชิ้นส่วน ให้เริ่มจากส่วนฐานและลำตัวก่อน โดยใช้กาวร้อนและไม้สนนอกที่เหลาเป็นสลักเป็นตัวยึด และเชื่อมในส่วนต่าง ๆ ถ้าต้องการตกแต่งให้สวยงาม ก็อาจใช้เศษกะลาที่เหลือหรือวัสดุอื่นๆ จากธรรมชาติมาตกแต่งเพิ่มเติมได้ เมื่อทำเสร็จแล้วให้ตั้งทิ้งไว้จนกาวแห้งสนิท เมื่อแห้งสนิทดีแล้ว จึงลงแล็กเกอร์เคลือบผิว เมื่อแล็กเกอร์แห้งสนิทก็เป็นอันเสร็จ 1 ชิ้น

การขายและการตลาด

1. ขายตามตลาดนัดหรือถนนคนเดินที่มีการจัดงานทุกสัปดาห์ เสียค่าเช่าพื้นที่นิดหน่อย หรืออาจจะไม่เสียเลย
2. ส่งขายตามร้านขายของที่ระลึกที่ยังไม่มีงานแบบที่เราทำ หรือมีแต่เรานำเสนอในแบบที่แตกต่าง
3. เสนอขายตามโรงแรม เพื่อประดับตกแต่ง
4. เร่ขายตามชายหาด สำหรับพื้นที่ติดทะเล
5. หาทำเลเหมาะๆ เปิดร้านขายเป็นของตนเอง ข้อนี้ต้องมีเงินลงทุนเช่าร้านพอสมควรนะคะ
6. ขายออนไลน์ โดยการเปิดเว็บไซต์ของตนเอง โปรโมตเอง เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเงินทุนเปิดร้าน

กลุ่มลูกค้า

1.ลูกค้าชาวต่างชาติที่ชื่นชอบงานประดิษฐ์ที่ทำด้วยฝีมือ ที่เป็นเอกลักษณ์องไทย
2.คนไทยที่ชื่นชอบงานจากวัสดุธรรมชาติและงานทำมือ

หากใครที่คิดว่าตนเองมีฝีมือทางด้านงานไม้ งานฝีมือ จะลองทำผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวแบบง่ายๆ อย่างโมบายดูบ้างก็น่าสนใจดีนะคะ เผื่อว่าทำได้สวย จะได้นำไปเป็นอาชีพเสริมก็ไม่ว่ากันค่ะ

error: Content is protected !!