ในชีวิตที่ผ่านๆ มา คุณเคยรู้สึกอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นบ้างหรือเปล่า หรือเมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน หรือหลายปีแล้ว แต่เรายังรู้สึกว่าเรายังเป็นเหมือนเดิมอยู่บ้าง หรือย่ำอยู่กับที่บ้างหรือปล่าวครับ ถ้าเป็นแบบนั้น วันนี้ผมก็ขอแนะนำบทความแนวคิดในการพัฒนาตนเองที่นำไปใช้ได้ผลจริง มาเริ่มอ่านกันเลยครับ
ถาม ถาม และถาม
เคล็ดลับความสำเร็จของหลายคนๆ เริ่มต้นจากการเป็นคนช่างสังเกต ช่างสงสัย เป็นคนอยากรู้อยากเห็น และกล้าคิด กล้าทำ เมื่อมีปัญหาหรืออุปสรรค แนวคิดในการพัฒนาตนเองนั่นก็คือ การตั้งคำถาม
ให้เราตั้งคำถามให้กับปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่พบเจอ แล้วสืบค้นหาต้นเหตุของปัญหา แสวงหาแนวทางการแก้ไขปัญหา และสุดท้ายคือการดำเนินการแก้ไขปัญหา มีคำกล่าวหนึ่งที่ว่า คนที่ถามจะไม่รู้แค่ห้านาที ส่วนคนที่ไม่ถามจะไม่รู้ตลอดไป ซึ่งแน่นอนว่าการแก้ปัญหาขั้นพื้นฐานก็คือการถามผู้รู้ ส่วนคำถามที่ถามนั่นจะเป็นคำถามที่ยากเกินไปสำหรับผู้รู้หรือไม่ ก็ไม่จำเป็นต้องไปคาดหวังกับคำตอบที่ได้รับมากนัก แต่ให้แน่ใจแล้วว่าก่อนจะตั้งคำถามกับสิ่งใดนั้น เราได้สืบค้นเรียนรู้กับสิ่งที่ทำนั้นมามากน้อยเพียงใด ไม่ใช่ว่าจะรอแต่ถามผู้รู้อยู่ฝ่ายเดียว เราต้องระลึกเสมอว่าการเรียนรู้ที่มาจากประสบการณ์ตรงสำคัญกว่าการเรียนรู้จากการบอกเล่า และที่สำคัญการได้รับคำแนะนำจากผู้รู้ที่มีประสบการณ์จริง และหวังดีต่อเรา จะช่วยให้เราพัฒนาตนเองได้เร็วขึ้นเป็นสองเท่า
การตั้งคำถามที่ดี ย่อมเกิดจากการสังเกต การคิดวิเคราะห์ และการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะถาม หากคำถามนั้นไม่ได้รับคำตอบจากบุคคลหนึ่ง ก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้ที่ตอบคำถามนั้นได้ เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะตั้งคำถามให้เหมาะสมกับบุคคลที่จะตอบคำถามของเราด้วย แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือทุกคำถามจะเป็นสิ่งชี้นำผู้ที่จะตอบคำถามได้เสมอว่า ผู้ถามมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ถามมากน้อยเพียงใด ถามเถอะครับแล้วคุณจะประสบความสำเร็จ
ฟังมาก รู้มาก
คุณสมบัติอย่างหนึ่งของผู้ที่ประสบผลสำเร็จในชีวิต ก็คือคุณสมบัติในการเป็นนักฟังที่ดี ฟังอย่างตั้งใจและมีวิจารณญาณ แยกแยะ ดีชั่ว ถูกผิด สมควรไม่สมควร มีปัญญาในการไตร่ตรอง และที่สำคัญคือการพูด หรือการสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจ ให้ผู้ฟังเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการสื่อ การเป็นผู้ฟังที่ดีจะช่วยให้การสื่อสารของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หาความรู้ใหม่ๆ
ธรรมชาติของมนุษย์แต่ละคนแตกต่างกัน รวมไปถึงความสามารถของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนมีเหมือนกันคือความคิด และสติปัญญา ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนมีไม่เท่ากัน แต่ทุกคนสามารถพัฒนาความคิด และฝึกสติ เสริมปัญญาของตนเองได้ ซึ่งการเรียนรู้ในยุคการสื่อสารไร้พรมแดนในสมัยปัจจุบันทำให้ผู้คนมีความก้าวหน้าทางความคิด และสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างหลากหลาย ต่างจากยุคก่อนที่การเรียนรู้จะเกิดขึ้นส่วนใหญ่ก็ที่โรงเรียน วัด หรือสถาบันที่เปิดสอนให้ความรู้เฉพาะทาง แต่ในยุคที่ผู้รู้ระดับแนวหน้า สามารถสื่อสารกันผ่านโซเชียลมีเดียได้ การเรียนรู้จึงสามารถเกิดขึ้นได้ทุกหนแห่ง ผ่านเว็บไซต์ และ Social Media ต่างๆ
ซึ่งยิ่งเราศึกษาเรียนรู้มากเท่าไหร่ เราก็จะได้เปรียบคนที่ไม่เปิดรับข้อมูลใหม่ๆ เช่นกันกับคนที่ปิดกั้นความรู้ใหม่ คิดแต่ว่าตนดีแล้ว เก่งแล้ว คนที่มีความคิดแบบนี้ไม่นานก็จะถูกคนอื่นพัฒนาไปมากกว่า จนในที่สุดก็จะกลายเป็นคนที่ตามเค้าไม่ทัน
หา Idol ของตนเอง
การหา Idol ของตนเอง หรือบุคคลตั้นแบบที่เราอยากพัฒนาตนเองให้เป็นเหมือนเค้าคนนั้น ซึ่งแต่ละคนน่าจะมี Idol ที่ตัวเองใฝ่ฝันอยากเป็นกันอยู่แล้ว อย่างน้อยก็น่าจะ 1 คน เช่น เราอยากเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และร่ำรวย ก็ให้เราทำตามแบบอย่างของ Idol ของเรา ว่าเค้าเริ่มต้นชีวิตธุรกิจยังไง เค้ามีแนวคิดในการลงทุนยังไง เรื่อยไปนกระทั่งเค้าตื่นกี่โมง นอนกี่โมง ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาตนเองได้
เลิกเที่ยวเตร่เกินพอดี
การพัฒนาตนเอง กับการเที่ยวจนเกินไปพอดี ก็มีส่วนสัมพันธ์กัน ถ้าคุณจะพัฒนาตนเองไปเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ หรือพนักงานดีเด่น ก็ไม่ควรเที่ยวเตร่จนเกินพอดี เพราะจะทำให้คุณอ่อนเพลียเมื่อต้องเริ่มมาทำงานเช้าวันใหม่ และยังทำให้ทรัพย์จางอีกต่างหาก การเที่ยวเตรกับเพื่อนฝูงแต่พอดีคือ สักอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือตามโอกาสอันสมควร ซึ่งจะทำให้เราสามารถมุ่งไปที่การงานของเราได้มากขึ้น
ศึกษาธรรมะบ้าง
การศึกษาธรรมะ จะทำให้คุณเข้าใจชีวิต ว่าคุณทำงานไปเพื่ออะไร รวยไปเพื่ออะไร และพัฒนาตนเองไปเพื่ออะไร ธรรมะจะทำให้คุณรู้ว่าที่คุณพัฒนาตัวเองอยู่ทุกวัน ก็เพื่อให้คุณทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มีเงินใช้มากขึ้น ธรรมะจะไม่ทำให้คุณทำงานจนไม่ลืมหูลืมหา หรือเข้าคอร์สสัมมนาต่างๆ อย่างมากเกินพอดี ธรรมะจะทำให้คุณไม่ลืมครอบครัวที่คุณต้องมีเวลาให้ และทำให้คุณไม่ลืมการอยู่กับตนเอง เพื่อทบทวนเรื่องราวตางๆ ในขีวิต ว่าเราเดินมาถึงขั้นไหนแล้ว เมื่อถึงขั้นไหนที่คุณจะพอดี เมื่อถึงขั้นไหนคุณจะถึงจุดที่พอดีแล้ว
สรุป
ก็จบแล้วนะครับ สำหรับบทความแนวคิดในการพัฒนาตนเองที่นำไปใช้ได้ผลจริง ก็หวังว่าบทความนี้คงให้ข้อคิดบางประการต่อผู้อ่าน ซึ่งอาจยึดเป็นวิถีชีวิตที่ปรับใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล บุคคลใดซึ่งมีความคิดที่จะพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอก็จะมีชีวิตที่สดใสในอนาคต เพราะการพัฒนาตนเองหมายถึง การไม่หยุดอยู่กับที่ การหยุดอยู่กับที่คือการรอให้ผู้อื่นมาเดินแซงหน้าไป ก็ขอให้ทุกท่านได้พัฒนาตนเองจนเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จกันทุกท่านนะครับ