ในบทความนี้ก็จะเกี่ยวกับ 12 เคล็ดลับการเป็นเศรษฐี หรือมหาเศรษฐี ใครอยากเป็นเศรษฐีต้องลองอ่านดูนะครับ
1. ไม่ทำงานเพื่อเงิน
การทำงานเพื่อเงิน จะไม่ได้ทำให้คุณเป็นเศรษฐี หรือมีเงินทองมากมาย เงินจะไหลมาเทมา ก็ต่อเมื่อคุณได้ทำในสิ่งที่คุณรัก ไม่ได้ทำแบบขอไปทีเพื่อให้ได้เงินมา และคุณต้องมี passion คือความหลงไหลในสิ่งที่ตัวเองทำ เรียกได้ว่าวันไหนที่ไม่ได้ทำสิ่งนี้ ชีวิตคุณเหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง และสิ่งนั้นจะต้องเป็นประโยชน์กับผู้อื่นด้วย แล้วเงินจะไหลมาหาคุณเอง เช่น คุณทำงานเป็นสถาปนิก คุณหลงใหลการออกแบบมาก วันไหนไม่ได้นั่งขีดๆ เขียนๆ ออกแบบสิ่งใด รู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรไปอย่าง อันนี้คือการนำความหลงไหลมาแปรสภาพเป็นเงินครับ หรือในมุมมองของนักลงทุน ผมคิดว่ามันถูกต้องตรงกัน คือ อย่าลงทุนแบบจ้องหากับผลตอบแทนเกินไป เราควรจะมีความสุขกับการลงทุน หรือเลือกลงทุนอย่างถูกต้อง และคุณควรจะรักในการลงทุนด้วย ศึกษามัน ค้นคว้ามัน อยู่กับมัน แล้วเงินจะมาเองครับ
2. รู้ความสามารถของตัวเอง
เราจะต้องรู้จุดแข็ง หรือจุดอ่อนของตัวเอง และที่สำคัญเราจะต้องรู้ว่าอะไรคือความสามารถ หรือความเชี่ยวชาญที่สุดของตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นจุดขายของคุณเลย เพราะแต่ละคนจะมีจุดขายอย่างน้อยหนึ่งอย่าง ที่เป็นทักษะของคุณจริงๆ คุณต้องชอบมัน คุณต้องรักมัน มันจึงจะพัฒนากลายเป็นทักษะความรู้ที่สุดยอดได้ หรือถ้าคุณคิดว่าต้องไปทำงานหาเงินทุกวัน วันจันทร์คือวันที่ทุกข์ที่สุด นั่นคุณคิดผิดแล้ว งานจะไม่ใช่งานถ้าคุณทำแล้วมีความสุข และเป็นสิ่งที่คุณรักที่จะทำจริงๆ ยกตัวอย่างคือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชื่อก้องโลก ได้เคยบอกกับซูซี่ อดีตภรรยาที่ล่วงลับไป ในตอนที่แต่งงานกันใหม่ๆ ว่า เขาจะต้องรวย เหตุผลไม่ใช่เพราะเขาทำงานหนัก หรือมีความเก่งเป็นพิเศษ แต่เป็นเพราะเขาเกิดมาด้วยทักษะที่ถูกต้อง ในสถานที่ที่ถูกต้อง และในเวลาที่ถูกต้อง นั่นคือ ทักษะในการจัดสรรเงินทุน หรือก็คือความชอบในการลงทุนนั่นเอง
3. เป็นนายของตัวเอง
คุณไม่สามารถรวยได้โดยการทำงานให้คนอื่น เพราะการทำงานอย่างหนักให้บริษัทของคุณ ทำให้บริษัทของคุรรวย แต่คุณยังมีฐานะเท่าเดิม หรือบางทีติดลบลงด้วยซ้ำจากสถานะการเงินต่างๆ ถ้าคุณอยากเป็นเศรษฐี คุณต้องเป็นนายของตัวเอง อย่าพึ่งรีบลาออก ให้ทำงานเก็บเงินให้ได้มากที่สุดก่อน และศึกษาหาลู่ทางในช่องทางการทำธุรกิจต่างๆ ไว้ หาความรู้แบบเก็บเล็กผสมน้อย หรือรู้ว่าตัวเองทำกาแฟเก่ง แต่ไม่มีทักษะทางธุรกิจ ก็อาจจะไปเรียนเพิ่มเติมมาก็ได้ เติมเต็มในสิ่งที่เราไม่มี เพื่อที่จะทำให้สิ่งที่เรามีนั้นสมบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้นไป เมื่อถึงเวลาอันสมควร เงินทุนพร้อม ความรักในสิ่งที่จะทำพร้อม และความรู้ธุรกิจพร้อม ก็ให้ออกมาเป็นนายของตัวเอง เพื่อที่จะได้ลงทุนทำธุรกิจต่อไป
4. ต้องมีความทะเยอทะยาน
การจะเป็นเศรษฐีได้ เราต้องมีความทะเยอทะยานที่มากกว่าคนอื่น ถ้าเรามีความทะเยอทะยานเท่าคนทั่วไป ฐานะของเราก็จะเท่าคนทั่วไป เพราะฉะนั้นเราต้องสร้างแรงบันดาลใจขึ้นมา จุดไฟให้ตัวเองมีความทะเยอทะยานขึ้นให้ได้ อาจจะโดยซื้อหนังสือประวัติเศรษฐีต่างๆ มาอ่าน ดูว่าเค้ามีหนทางในชีวิตเป็นอย่างไร ก่อนจะรวยเค้าทำอะไรมาก่อน หรือรวยแล้วเค้าปฏิบัติตัวอย่างไร หรือเค้ามีแง่คิดในชีวิตอย่างไร สิ่งเหล่านี้จะไปจุดไฟความทะเยอทะยานในตัวคุณได้ ทำอะไรสำเร็จแล้ว ก็ต้องพยายามก้าวให้สูงขึ้นเรื่อยๆ
5. ตื่นเช้า มาถึงที่ทำงานก่อนใคร
เอาหล่ะเริ่มจากการตื่นเช้าก่อน ถ้าคุณจะเป้นเศรษฐี แล้วขี้เกียจตื่เช้า คุณไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการตื่นเช้าจะทำให้สมองของคุณปลอดโปร่ง คิดอ่านการใดมักจะราบรื่นปลอดโปร่ง ถ้าคุณเป็นคนทำงานที่ยังกินเงินเดือนอยู่ ให้คุณสร้างนิสัยของเศรษฐี โดยการไปถึงที่ทำงานให้เร็วก่อนใคร เรียกได้ว่าขยันกว่าคนอื่นนั่นเอง แล้วเวลาที่คนจะลาออกไปทำธุรกิจส่วนตัว เจ้านายคุณจะเสียดายคุณเป็นอย่างมาก จะไม่อยากให้คุณลาออกไป เค้าอาจะเสนอเงินเดือนที่สูงขึ้น ซึ่งถ้าหากคุณพอใจก็ให้ทำต่อไป หรือถ้าตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้ว ก็ให้ทำตามความต้องการของหัวใจของคุณ
6. เริ่มธุรกิจตั้งแต่อายุน้อย
การเริ่มธุรกิจตั้งแต่อายุน้อย เป็นข้อได้เปรียบอยู่อย่างหนึ่ง คือล้มแล้วไม่เจ็บตัวมาก สมมติถ้าคุณทำธุรกิจเมื่อตอนอายุมากแล้ว มีครอบครัวที่จำเป็นต้องใช้เป็น เวลาคุณล้ม คุณจะเจ็บตัวมาก เพราะฉะนั้นเริ่มก่อนได้เปรียบกว่า ยังหนุ่มยังสาว ยังมีไฟคุกรุ่น ยังไม่กลัวอุปสรรคขวากหนามมากนัก ก้าวแบบลุยๆ เป็นรสชาติของชีวิตอย่างหนึ่ง ถ้าทำแล้วรุ่งก็ทำต่อไป หรือถ้าทำแล้วร่วง ก็ให้มาทบทวนตัวเองว่าเราได้ทำสิ่งใดผิดพลาดไป ไปเติมหาความรู้ที่ตัวเองด้อยตรงนั้น และพัฒนาทักษะทางธุรกิจให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
7. อย่าตั้งเป้าหมายที่ใหญ่จนเกินไป
อย่าตั้งเป้าหมายที่ใหญ่จนเกินไป ให้ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่คุณคิดว่าทำได้ก่อน ให้ก้าวไปทีละขั้น ทีละอย่าง การที่คุณมีเป้าหมายที่ใหญ่จนเกินไป เวลาที่คุณทำไม่ได้คุณจะมีความทุกข์ ที่ทำไม่ได้ และก็จะล้มเลิกความตั้งใจไปกลางคัน เพราะฉะนั้นให้ตั้งเป้าหมายที่คิดว่าตนเองทำได้ อาจจะเป็นเป้าหมายเล็กๆ เช่น เดินนี้จะขายให้ได้เดือนละ 2 หมื่นบาท อย่าไปตั้งเป้าว่า เดือนนี้จะขายให้ได้ 1 แสนบาท เราจะนอนน้อยๆ เราจะขยัน เราจะไม่ไปเที่ยวไหน เราจะไม่พักผ่อนหย่อนใจ แบบนี้จะทำให้คุณเครียดเกินไป ได้เงินมาดีไม่ดีต้องนำไปรักษาอาการป่วยของตนเอง เพราะฉะนั้นค่อยๆ โตไปทีละขั้นนะครับ
8. อย่ากลัวความล้มเหลว
เมื่อคุณประกาศตนแล้วว่า คุณจะเป้นเศรษฐีคนหนึ่งในอนาคต แน่นอนว่าชีวิตคนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ อาจจะมีบ้างที่เราล้มเหลว อาจจะมีบ้างที่ทำธุรกิจแล้วเจ๊ง แต่เราก็ต้องสู้ต่อไป สักวันความสำเร็จต้องเป็นของเรา อย่าย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งหลาย ถ้าเรากลัวความล้มเหลว เราจะไม่กล้าทำอะไร ว่าที่จริงไม่มีคำว่าล้มเหลว ยกเว้นว่าคุณจะล้มเลิกเท่านั้น การลงทุนในเรื่องต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน ไม่มีทางที่คุณจะประสบความสำเร็จตลอด อย่าเลิกเมื่อขาดทุนหนัก สู้ต่อไป วันหนึ่งเราจะชนะ อย่าลืมทำบุญต่อบุญเพื่อให้ชีวิตเราเจริญรุ่งเรืองด้วยนะครับ
9. ทำเลคือสิ่งสำคัญ
บางคนมีเงินทุนมากมาย แต่คิดผิดที่ไปเลือกทำเลที่ไม่ดี ทำให้ขายของไม่ค่อยได้ หรือไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นก่อนที่จะทำธุรกิจเลือกทำเลให้ดีๆ นะครับ เอาที่มีคนเดินไปเดินมามากๆ ยิ่งดี ที่เค้าเรียกกันว่า ทำเลทอง นั่นแหล่ะครับ ค้นหาให้เจอ ราคาสูงก็ควรลองถ้ามันทำเงินให้ได้มาก และควรเลือกทำเลให้สัมพันธ์กับธุรกิจของคุณด้วย เช่น ทำธุรกิจโรงเรียนกวดวิชา ควรจะหาสถานที่ที่ใกล้ๆ โรงเรียน ไม่ควรตั้งธุรกิจไว้ติดผับ บาร์ หรือสถานที่อื่นๆ ที่ไม่สมควร เพราะจะมีผลต่อการสร้างแบรนด์ธุรกิจของคุณ
10. ทำการตลาด
การทำการตลาด สามารถเพิ่มยอดขายของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นการ ลดแลกแจกแถม เหล่านี้คือหลักการเบื้องต้นในการทำการตลาด ธุรกิจเล็กๆ คุณอาจจะทำการตลาดเวยตัวของคุณเอง ขอให้ได้มีไอเดียเจ๋งๆ ก็พอ ส่วนธุรกิจขนาดกลาง และขนาดใหญ่ คุณอาจจะต้องจ้างเจ้าหน้าที่การตลาดมาช่วยเสนอไอเดียร่วมด้วย ถ้าการตลาดของคุณดีจริงๆ ธุรกิจของคุณจะก้าวไปได้ไวมาก เรื่องการตลาดบางครั้งก็ไม่จำเป็นจะต้องไปศึกษามาจากตำรา เพราะถ้าต่างคนต่างศึกษามาจากตำรา การตลาดของธุรกิจก็จะไปในทิศทางเดียวกัน เราต้องมีอะไรที่แตกต่างออกไปบ้าง เพราะแตกต่างธุรกิจคุณถึงรวย เพราะแตกต่างธุรกิจคุณถึงอยู่รอด
11. ดูไอเดียของคนเก่งๆ
ให้ลองดูคนเก่งๆ เค้าทำอย่างไร มีไอเดียอย่างไร ให้ดูแล้วนำมาพัฒนาในธุรกิจของเรา แต่ไม่ใช้ก็อปเค้ามาทั้งหมด ให้ศึกษาข้อดีของเค้า เรียกได้ว่าเก็บตกสิ่งที่ดีมานั่นเอง ถ้าทำได้แบบนี้ ตัวคุณจะพัฒนาทักษะทางธุรกิจได้มากทีเดียว จะส่งผลให้ธุรกิจของคุณได้พัฒนาตาม
12. ยึดมั่นในจรรยาบรรณทางธุรกิจ
นี่เป็นกฎเหล็กที่สำคัญที่สุด วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เคยพูดว่า ชื่อเสียงใช้เวลา 20 ปีในการสร้าง แต่ใช้เวลาแค่ 5 นาทีในการทำลาย ดังนั้นคุณต้องจำข้อไว้ตลอดเวลา อย่าทำอะไรที่ส่อไปในทางทุจริต แม้มันจะยั่วยวนเหมือนดอกไม้ที่น่าจับ แต่ในระยะยาวมันจะส่งผลลบถึงธุรกิจคุณแน่นอน