หลายสิ่งที่ฝันไว้ ถ้ามันจะเป็นเรื่องที่สายเกินไป นั่นเพราะที่ผ่านมามัวแต่คิดได้ แต่ไม่ยอมลงมือทำ
ความสามารถของมนุษย์เรามีมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องที่ฝันไว้ ยิ่งฝัน ยิ่งจินตนาการกับมันมากเท่าไร แต่แล้วทำไม ยิ่งกลับไม่เคยสนใจว่าเมื่อไรจะลงมือทำเสียที
ผมเห็นหลายคนที่เติบโตมาพร้อมความฝันสวยงามหลายอย่าง คนรอบตัวผมพูดให้ฟังเสมอว่ามีความฝันอย่างนั้น อย่างนี้ที่อยากทำ ผมคิดในใจ “อยากทำ แล้วทำไมไม่ทำ” หากสุดท้ายคนเหล่านั้นก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม อยู่กับสิ่งเดิม ๆ ไปวัน ๆ แล้วโปรเจกต์ความฝันอันอลังการที่คิดฝันไว้ทั้งหมดที่ผ่านมาล่ะมันหายไปไหน ความคิดที่ว่าอยากเห็นอนาคตตัวเองประสบความสำเร็จ มีเงินทองมากมาย เขายังคงคิดเช่นนั้นอยู่ไหม และถ้าหากใช่ ยังคิดได้ ฝันได้ แต่แล้วทำไมกลับลงมือทำไม่ได้
อาจเป็นเพราะเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับความฝันนั้นมากพอ เพราะต่อให้เราฝันยิ่งใหญ่แค่ไหน ต่อให้มันยากที่จะได้มาครอบครอง แต่ถ้าหากนั่นเป็นสิ่งที่หัวใจค้นหาแล้วบอกว่า ‘ใช่’ ผมว่าหลังจากนั้นขั้นตอนการดำเนินงานมันจะหลั่งไหลเป็นคำตอบให้เราบอกโจทย์ตัวเองได้ว่า ควรจะเริ่มต้นยังไง จัดการกับความฝันอย่างไรต่อไป เพราะสิ่งที่ยากที่สุด คือ การเริ่มต้น ก้าวแรกของการลงมือทำจึงมักเป็นสิ่งที่เราหวาดหวั่น ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่า หากลงมือทำไปแล้วจะสำเร็จไหม จะได้ดั่งใจที่ตั้งไว้หรือเปล่า และถ้าหากผลออกมาคือ ไม่สำเร็จนั่นย่อมเท่ากับเรากำลังสูญเสีย เราอาจจะเสียความมั่นใจ เสียเวลาที่มุ่งมั่นพยายามทำมัน หากแต่ไม่เสียใจกว่าหรือ ถ้าหากเรามีความฝันมาอย่างเนิ่นนาน แต่ไม่ได้ลงมือทำมันเลย
ผมว่าเรื่องที่เราควรให้ความเสียใจกับมัน ไม่ใช่การทำอะไรสักอย่างแล้วไม่เป็นผลสำเร็จหรอก แต่มันคือ การไม่ยอมเริ่มต้นเลยต่างหาก
คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างที่เขาฝันไว้ พวกเขามองการเริ่มต้นเป็นสิ่งที่ท้าท้าย และกระหายต่อการลงมือทำเท่านั้น เหนือจากนั้น เขาไม่ได้สนใจหรอกว่า ผลจะออกมาเป็นแบบไหน จะให้ประโยชน์ตอบแทนกลับมามากมายเท่าไร แต่ระหว่างที่เขาลงมือทำต่างหาก นั่นคือความสุขซึ่งสามารถตอบแทนสิ่งที่เขาพยายามทำมันมาโดยตลอด ผมเชื่อเช่นนั้น และเชื่ออีกว่า คนที่มีเป้าหมายในชีวิต เขาจะไม่ใช้ชีวิตแบบหมดไปวันๆ อย่างไร้ค่า เพราะตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมาจนกระทั่งเข้านอนในคืนนั้น เขามีเป้าหมาย มีการวางแผนเป็นระบบของชีวิตแล้วว่า วันนี้จะทำอะไรบ้าง เมื่อทำแบบนี้แล้วผลจะเป็นแบบไหน ถ้าหากผลออกมาดีหรือไม่อย่างไร แผนการรองรับต้องเตรียมไว้พร้อมเพื่อป้องกันให้ทุกอย่างที่เขาทำพบร่องรอยของปัญหาน้อยที่สุด
การลงมือทำฝันให้เป็นจริง หรือการตั้งตาทำอะไรสักอย่างที่เราปรารถนาจะให้มันสำเร็จ ขอจงอย่าหวาดกลัวกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น การพบเจอปัญหาเจอความล้มเหลวเสียบ้าง ถือเป็นน้ำมันหล่อลื่นอย่างหนึ่งของชีวิตที่จะทำให้เราได้สติ เพราะน้ำมันชนิดนั้นเราเพียงนำมาหยอดลงในร่องรอยของอุปสรรคที่มันฝืดเคืองต่อการเดินหน้า เมื่อน้ำมันแห่งสติปัญญาพาเราเคลื่อนหินแห่งอุปสรรคก้อนใหญ่ออกไปจากชีวิตได้ ความราบรื่น ในการทำความฝันให้สำเร็จก็ย่อมตกอยู่ในมือของเรา หากเพียงเราพึงใช้สติเป็นเพื่อนร่วมทางขณะลงมือปั้นฝัน ความฝันย่อมมีวันเป็นจริงได้ และความภาคภูมิใจก็จะเป็นรางวัลให้เราได้ชื่นใจตั้งแต่ลงมือทำ จนกระทั่งความฝันนั้นสำเร็จเป็นจริง
การจะทำเรื่องยากสักเรื่องให้เป็นเรื่องง่ายได้นั้น มันขึ้นอยู่ที่ใจเราเท่านั้นแหละ ออกแบบชีวิตกันได้แล้วว่า จะลงมือปั้นความฝันให้เกิดขึ้นจริงเมื่อไร ตอนไหน ไม่ต้องมีข้ออ้างใดๆ สำหรับการปั้นฝันหรอก ตื่นสาย รถติด นอนไม่พอ เงินไม่มี เหนื่อยทุกวัน สมองตีบตัน คิดงานไม่ออก ฯลฯ เหล่านี้คือ ข้ออ้างเท่านั้น ข้ออ้างของผู้เข้าข่ายประสบความล้มเหลวในชีวิต แล้วเรายินดีหรือที่จะให้ตัวเองเป็นบุคคลประเภทนั้น ในเมื่อเรามีสมอง มีสติปัญญาและมีหนทางลงมือทำความฝันให้เป็นจริงได้ จะกลัวอะไรกับแค่การลงมือทำ เพราะหากสุดท้ายเราไม่อาจเข้าชิงเส้นชัยแห่งความสำเร็จ แต่รางวัลของความตั้งใจก็ทำให้เรายิ้มอย่างมีความสุขกับชีวิตได้มากกว่าไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยไม่ใช่หรือ