เราเก่งอะไร
แต่ละคนมีความสามารถมีพรสวรรค์ที่แตกต่างกัน ซึ่งเราก็อาจจะมีพรสวรรค์ที่แตกต่างจากคนอื่นไปบ้าง บางคนอาจจะวาดรูปเก่ง บางคนอาจจะเขียนหนังสือเก่ง บางคนอาจจะทำอาหารทำขนมเก่ง บางคนอาจจะซ่อมนั่นซ่อมนี่ได้ หรือว่าบางคนอาจจะมีความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นความสามารถของเรา ซึ่งหากว่าเราสามารถนำมาใช้อย่างถูกทาง เราก็สามารถที่จะนำมาใช้ทำมาหากินได้เป็นอย่างดี
เป็นเรื่องที่ไม่ยากเลยกับการที่เราจะรู้ว่าเราเก่งอะไร เพราะนอกจากเราจะรู้ได้เองแล้ว คนรอบข้างก็เป็นส่วนหนึ่งที่บอกให้เรารู้ เพราะสิ่งที่เราเก่งนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นสิ่งที่เราชอบอยู่แล้ว ซึ่งเราก็สามารถทำได้ดี และเมื่อเราชอบ ทำได้ดี มีคนชม แล้วเหตุใดเรา จึงไม่ใช้มันให้เป็นประโยชน์เล่า
คนที่ชอบวาดการ์ตูน เวลาว่างก็อาจจะไปตั้งโต๊ะวาดภาพล้อเลียนเป็นรายได้พิเศษ คนที่ทำขนมเก่งๆ ก็อาจจะทำขนมเป็นแพ็กๆ ไปฝากขายตามร้านค้าต่างๆ หรือว่าขายตามตลาดนัด คนที่พูดดีๆ เก่งๆ ก็อาจจะเป็นเซลส์ขายของ อย่างพวกเครื่องสำอางหรือว่าประกัน เป็นต้น ซึ่งเราก็อาจจะดูความสามารถของเรา ว่าเราเก่งด้านไหนก็ไป ทำงานด้านนั้น
คนรอบขัางมองเราอย่างไร
การมองตัวเองเราควรมองรอบๆ ด้าน บางทีเราไม่รู้ตัวหรอกว่าเราเป็นคนยังไง จนกระทั่งมีเพื่อนหรือว่าคนรอบข้างมาบอกว่า เราเป็นคนอย่างนี้นะ เราถึงค่อยมาสำรวจตัวเองและพบว่ามันจริง ดังนั้นก่อนที่เราจะลงมือทำอะไร เราควรที่จะสำรวจบุคลิกภาพของเราจากคนรอบข้างก่อนว่ามีบุคลิกอย่างไร เหมาะกับงานประเภทไหน และควรที่จะปรับอะไรบ้างไหม
นอกจากนี้ เราควรที่จะถามคนจากหลายๆ กลุ่ม เพราะบางทีบุคลิกของเราที่มีต่อคนกลุ่มหนึ่งก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง เราควรที่จะเรียนรู้เอาไว้ เพื่อที่จะนำไปปรับปรุง ซึ่งในบางครั้ง อาจจะมีคนหนึ่งๆ มองเราผิดๆ เพราะบุคลิกบางอย่าง เราก็ควรจะไต่ถาม และนำมาแกไข เพราะไม่ว่าเราจะทำธุรกิจหรือว่างานใดๆ ก็ตาม เราจำเป็นจะต้องสื่อสาร และทำงานกับคนรอบข้าง ดังนั้นนอกจากเราจะใช้มุมมองของคนอื่นเพื่อมองตัวเองให้ชัดขึ้นแล้ว เรายังใช้มุมมองของ คนอื่นมาปรับปรุงตัวเอง ให้เป็นที่ยอมรับของบุคคลรอบช้างอีกด้วย