วิธีปลูกมะละกอ พร้อมคำแนะนำในการขายมะละกอ

การขายมะละกอสามารถทำเงินได้มากมายเลย คุณเชื่อมั้ยครับ

มะละกอนั้นเป็นพืชเศรษฐกิจมาแรงอีกชนิดหนึ่งของประเทศไทย ที่มาแรงแบบเงียบๆ ในชีวิตประจำวันของใครหลายคนมีมะละกอมาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน กับเรื่องอาหารการกิน อย่างส้มตำ ที่ต้องพึ่งพามะละกอเป็นหลัก มะละกอไม่ใช่แค่ทานดิบเท่านั้น ยังมีมะละกอทานสุกที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เช่นดังชาวสวน อ.แม่สอด โกยเงินกับมะละกอ 50 ไร่ วางแผนปลูกให้เก็บได้ในช่วงแพงรับเนื้อๆ เดือนละละ 50,000 บาท

ลักษณะของมะละกอ

มะละกอเป็นไม้ผลชนิดหนึ่ง สูงประมาณ 5-10 เมตร มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง ถูกนำเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุกแล้วเนื้อในจะมีสีเหลืองถึงส้ม นิยมนำมารับประทานทั้งสดและนำไปปรุงอาหาร เช่น ส้มตำ ฯลฯ หรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ก็ได้

มะละกอเป็นไม้ล้มลุก ซึ่งในบางครั้งอาจเข้าใจผิดว่ามะละกอเป็นไม้ยืนต้น เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ ใบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว 5-9 แฉก เกาะกลุ่มอยู่ด้านบนสุดของลำต้น ภายในก้านใบและใบมียางเหนียวสีขาวอยู่ มะละกอบางต้นอาจมีดอกเพียงเพศเดียว แต่บางต้นอาจมีดอกได้ทั้งสองเพศก็ได้ ผลเป็นรูปรี อาจหนักได้ถึง 9 กิโลกรัม ผลดิบมีสีเขียว และมีน้ำยางสีขาวสะสมอยู่ที่เปลือก ส่วนผลสุก เนื้อในจะมีสีเหลืองถึงส้ม มีเมล็ดสีดำเล็ก ๆ อยู่ภายในกินไม่ได้

ประโยชน์ของมะละกอ

นอกจากการนำมะละกอไปรับประทานสดๆ แล้ว เรายังสามารถนำไปปรุงอาหาร เช่น ส้มตำ แกงส้ม ฯลฯ หรือนำไปหมักเนื้อให้นุ่มได้อีกด้วย เพราะในมะละกอมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งเรียกว่า พาเพน ซึ่งสามารถนำเอนไซม์ชนิดนี้ไปใส่ในผงหมักเนื้อสำเร็จรูป บางครั้งนำไปทำเป็นยาช่วยย่อยสำหรับผู้ที่มีปัญหาอาหารไม่ย่อยก็ได้

การขายมะละกอ

มะละกอเป็นไม้ผลกระแสแรงด้วยผลตอบแทนที่น่าทึ่งอย่างมาก ปลูกมะละกอพื้นที่เพียง 10 ไร่ สามารถขายทำเงินล้านได้ไม่ยากเลย เพราะมะละกอจะสามารถเก็บผลผลิตได้ทุก 3-4 วัน หรือประมาณอาทิตย์ละ 2 ครั้งๆ ละ 2-3 ตัน รายได้ต่อครั้งประมาณ 2-4 หมื่นบาท ขึ้นอยู่กับราคามะละกอ ยิ่งถ้าวางแผนให้มีผลผลิตเก็บได้ในช่วงมะละกอขาดตลาดด้วยแล้วล่ะก็ เรียกว่าโกยเงินกระเป๋าตุงกันเลยทีเดียวเช่นเดียวกับชาวสวนหัวก้าวหน้ารายนี้ คุณเล็ก แห่งไร่กอทอง ที่ประสบความสำเร็จกับมะละกอ 50 ไร่ ที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตในวันที่มะละกอขาดตลาดหรือขาดคอ โกยเงินอยู่ตอนนี้จนสามารถตั้งราคาขายได้เลย แม่ค้ามะละกอวิ่งเข้าไปซื้อผลผลิตกันจนต้องต่อคิว เพราะช่วงนี้มะละกอทั่วไปมีผลผลิตน้อย ขณะที่ตลาดมีความต้องการสูง

ปกติมะละกอจะขาดตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงตุลาคมของทุกปี ช่วงดังกล่าวราคาจะสูงถึง 18-30 บาทต่อกิโลกรัม ถ้ามาจากจากสวน ถ้าจะปลูกให้เก็บในช่วงนี้ได้ก็นับย้อนไป 8 เดือนแล้วปลูก อีกอย่างมะละกอที่จะเก็บได้ในช่วงนั้นจะต้องออก ดอกและติดผลในช่วง มีนาคมถึงเมษายน ซึ่งอากาศค่อนข้างร้อน จึงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการติดผล มะละกอดอกจะร่วงและติดผลน้อย ต้องมีตัวช่วย คือ การให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้ขาดน้ำ โชยน้ำช่วยเพื่อเพิ่มความชื้นพร้อมกับให้ปุ๋ยอย่างเพียงพอ ตรงกับความต้องการ โดยคุณเล็กจะให้ปุ๋ยเดือนละครั้ง ต้นละประมาณ 400 กรัม ช่วงมะละกอต้นเล็กใช้ 15-15-15 พอมะละกอเริ่มออกดอกเปลี่ยนมาใช้สูตร 8-24-24 เพื่อเตรียมความพร้อมในการออกดอกและติดผล จากนั้นใช้สูตรนี้อย่างต่อเนื่องจะทำให้มะละกอออกดอกติดผลต่อเนื่อง ส่วนทางใบพ่นปุ๋ยน้ำสูตร 13-3-43 พร้อมกับแคลเซียมโบรอน จะช่วยส่งเสริมให้มะละกอมีผลผลิตตลอด

การปลูกมะละกอดูเหมือนง่าย แต่ถ้าใครปลูกทิ้งๆ ขว้างๆ มะละกอจะไม่มีลูกเหมือนกัน เคล็ดลับของการปลูกดูแลรักษามะละกอ ประการแรกต้องดินดีอุดมสมบูรณ์ ประการที่สอง นอกจากต้องใส่ปุ๋ยตามระยะเวลาแล้ว ที่สำคัญต้องให้น้ำทุกวันโดยเฉพาะฤดูแล้ง ยกเว้นมีฝนตก มะละกอชอบน้ำแต่ไม่ชอบที่ดินที่มีน้ำขัง ปรการที่สามปัญหาที่ต้องระวังในช่วงฤดูฝนอากาศชื้น จะมี่เชื้อราและต้นจะมีสีเหลือง ปัญหาฝนชุกนี้ทำให้บางจังหวัดไม่สามารถปลูกมะละกอได้มากเท่ากับที่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรีได้ ทำให้มีปัญหาเรื่องตลาดรับซื้อที่จะมารับซื้อถึงสวน เพราะผู้รับซื้อเห็นว่าไม่คุ้มกัน

การเก็บผลมะละกอไปจำหน่าย ตลาดรับซื้อมะละกอจะมี 2 อย่าง คือมะละกอดิบและมะละกอสุก ตลาดรับซื้อมะละกอดิบมีมากกว่าตลาดมะละกอสุก เพราะมะละกอดิบจำนวนมากสามารถส่งไปจำหน่ายในจังหวัดต่าง ๆ รวมทั้งตลาดสี่มุมเมืองในกรุงเทพได้ ในขณะที่มะละกอสุกจะขายได้เฉพาะภายในจังหวัดเท่านั้น เพราะต้องขายให้หมดภายใน 1 – 2 วัน สำหรับมะละกอดิบจะเก็บได้เรื่อยๆ โดยดูขนาดของลูก ถ้าเป็นมะละกอลูกยาวจะได้ราคาดีกว่าลูกกลม ส่วนมะละกอสุกนั้นมีเทคนิคเป็นพิเศษ คือ ต้องเริ่มเก็บเมื่อเห็นผลมะละกอมีสีเหลืองเรื่อๆ ลักษณะเป็นแต้มๆ จากนั้นห่อกระดาษบ่มในตุ่มปิดผาให้มิดชิด 2 คืน นำออกไปขายจะเป็นมะละกอสุกสีเหลืองสวยน่ารับประทาน ทั้งนี้ ต้องไม่ให้เกิน 2 วัน ไม่เช่นนั้นจะสุกเนื้อเละไม่น่ารับประทาน

ตลาดรับซื้อมะละกอดิบ ถ้าสวนของท่านเริ่มมีพ่อค้าแม่ค้าขายส่งรู้จัก เค้าจะมารับซื้อถึงที่สวนของท่านเพื่อนำไปขายยังตลาดต่างๆ ถ้าเป็นในกรุงเทพก็อาจจะไปขายที่ตลาดสี่มุมเมือง การมีขาประจำมาซื้อทำให้หาตลาดลงได้ง่าย แต่อาจจะมีปัญหาไม่สามารถเก็บขายได้ทุกวัน เพราะมีผลผลิตไม่เพียงพอเที่ยวบรรทุก สัปดาห์หนึ่งจึงเก็บขายได้ครั้งหนึ่งครั้งละ 2,000 – 3,000 กิโลกรัม ได้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 2 – 2.50 บาท ที่ไม่ตรงช่วงเก็บขายส่งจะเหลือไว้เก็บเป็นมะละกอสุกขาย ราคาจะขึ้นลงตามตลาด เช่น ปีนี้ราเริ่มต้นที่ 15 บาทต่อกิโลกรัม และลดลงเรื่อยๆ 10 บาท จนกระทั่ง 7 – 8 บาท ถ้าคิดเฉลี่ยมะละกอสุก ตกกิโลกรัมละ 10 บาท คิดแล้วราคาดีกว่ามะละกอดิบ แต่ตลาดแคบจำหน่ายได้เฉพาะในตัวเมือง ซึ่งมีมะละกอที่ส่งมาขายจากจังหวัดอื่นแข่งขันด้วย

มะละกอเป็นไม้ผลที่น่าขาย น่าลงทุนที่สุดชิดหนึ่ง เพราะดูแลไม่ยากจนเกินไปนะครับ ขอเพียงเข้าใจ และดูแลอย่างถูกต้องเท่านั้น มะละกอไม่กี่ไร่ก็สามารถสร้างเงินล้านได้ไม่ยากเลย ว้าว…

error: Content is protected !!