สำหรับบทความนี้ก็จะเป็นเรื่องของผักชนิดหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมในการนำมาทำอาหารมาก ซึ่งผักชนิดนี้ก็คือ บวบ นั่นเองครับ ซึ่งบวบเป็นพืชตระกูลเดียวกับมะระ จัดอยู่ในกลุ่มของพืชเถา สามารถขึ้น และเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่แถบร้อน จึงเป็นที่นิยมปลูกเป็นอย่างมากในประเทศเขตร้อน เช่น ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลักษณะทางกายภาพของบวบ
สำหรับบวบจัดเป็นพืชที่มีดอกตัวผู้และตัวเมียอยู่ในต้นเดียวกัน แต่แยกคนละดอก ผลจะมีความยาวและผิวขรุขระเล็กน้อย บางชนิดหากมีผลแก่เต็มที่ก็สามารถนำมาใช้ประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้ต่างๆ ได้ โดยลำต้นจะมีสีเขียว หากเป็นต้นแก่เต็มที่จะเห็นขี้ผึงฉาบบริเวณผิว น้ำที่ได้จากลำต้นปัจจุบันนิยมนำมาทำเครื่องสำอาง และยาสมุนไพร
การเตรียมพื้นที่ปลูกบวบ
เนื่องจากบวบเป็นผักที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศร้อน ด้วยเหตุนี้จึงเหมาะสมเป็นอย่างมากที่จะปลูกในประเทศไทย หรือประเทศทีอยู่ในบริเวณที่มีอากาศร้อนประมาณ 20-30 องศาเซลเซียส รวมไปถึงอากาศ และแสงแดดตลอดทั้งวัน แต่ทั้งนี้จะต้องมีความชื้นในดินที่คงที่ และสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาในการ โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง และช่วงที่กำลังติดผล ช่วงนี้จะขาดน้ำไม่ได้เลย ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกจะเป็นช่วงฤดูฝน
บวบเป็นผักที่มีระบบรากลึกหยั่งเข้าไปในดินระดับปานกลาง สำหรับการเตรียมดินเกษตรกรจะต้องขุดไถลึกประมาณ 25-30 เซนติเมตร ระหว่านทำการไถจะต้องมีการใส่ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอกที่สลายตัวแล้วให้เข้ากันกับเนื้อดิน
วิธีการปลูกบวบ
1.การปลูกบวบส่วนใหญ่แล้วจะนิยมปลูกแบบยกร่องสูง 75 เซนติเมตร กว่าง 1.5 เมตร โดย 1 ร่องสามารถทำการปลูกบวบได้ 2 แถว
2.เกษตรกรนิยมใช้วิธีการหยอดเมล็ดของบวบลงในแปลงเลย สาเหตุที่ไม่ค่อยนิยมเพาะกล้าเนื่องจาต้นกล้าของบวบมีความเปราะ หักและตายได้ง่าย
3.หยอดลงหลุมที่ลึกประมาณ 2-4 เซนติเมตร จำนวน 3-5 เมล็ด
4.ระยะห่างของการปลูกต้นบวบแต่ละต้นคือ 75-100 เซนติเมตร
5.จากนั้นทำการกลบด้วยดินที่ผสมปุ๋ยคอก รดน้ำให้ชุ่ม
6.เพื่อเป็นการรักษาความชื้นเกษตรกรสามารถปกคลุมปากหลุมด้วยฟาง หรือหญ้าแห้ง
การดูแลรักษาบวบ
1.เมื่อต้นกล้ามีอายุได้ประมาณ 15 วัน ในช่วงนี้ให้เกษตรกรทำการถอนต้นที่อ่อนแอทิ้งไป ให้เพียงหลุมละ 2 ต้นเท่านั้น
2.สำหรับการปลูกในช่วงฤดูฝนจะเป็นช่วงทีบวบสามารถเจริญเติบโตได้ดีทีสุด ดังนั้นการเว้นช่วงระยะห่างจะต้องเพิ่มมาขึ้น
3.เมื่อบวบอายุได้ 15-20 วันจะต้องมีการทำค้างเพื่อที่บวบจะได้เกาะสูงขึ้นไปเพื่อรับแสงแดดได้อย่างเต็มที่
การทำค้างบวบ
1.การใช้ไม้ตีเป็นร้าน เพื่อที่บวบจะได้เลื้อยขึ้นเจริญเติบโตอยู่ด้านบนของร้าน การเลือกวิธีการทำร้านเวลาที่มีการออกผล ผลของบวบจะได้ห้อยลงมา สะดวกและง่ายต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต
2.การปักไม้ค้าง โดยการใช้ไม้รวกยาวประมาณ 2-2.5 เมตร แล้วทำการปักของแต่ละหลุมที่มีการปลูกบวบ จากนั้นทำการรวบไม้เข้าหากันผูกเชือกบริเวณปลายไม้ที่รวบ จากนั้นใช้ไม้พาดแต่ละช่วงที่ห่างกัน 40-50 เซนติเมตร
3.สุดท้ายคือการใช้กิ่งไม้หรือต้นไม้แห้งปักไว้ให้บวบเลื้อยขึ้นเองตามธรรมชาติ หากเกษตรกรไม่ทำค้างเพื่อที่ให้บวบเลื้อยขึ้นไป จะทำให้บวบเลื้อยไปตามพื้นดิน ผลออกมามาจะเบี้ยว ไม่สวยและไม่เป็นที่นิยม
การให้น้ำ
ในการให้น้ำบวบ จะต้องมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ตลอดระยะเวลาที่ทำการปลูก และจะต้องระวังอย่าให้บวบขาดน้ำอย่างเด็ดขาด แนะนำว่าเกษตรกรควรทะระบบการให้น้ำแบบร่องดีที่สุด เพราะใบของบวบจะได้ไม่ต้องเปียกน้ำที่เสี่ยงต่อการเน่าได้นั่นเอง
การพรวนดินและการจำกัดวัชพืช
การพรวนดินและกำจัดวัชพืช จะต้องทำในครั้งเดียวกัน หลังจากถอนควรมีการพรวนดินทันที เมื่อบวบโตแล้วจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องวัชพืช
สำหรับการให้ปุ๋ย ก่อนที่จะมีการเพาะเมล็ดพันธุ์จะใช้ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอกที่ย่อยสลายแล้วรองก้น สำหรับปุ๋ยเคมี นิยมใช้สูตร 5-10-5 ในอัตรา 30-50 กิโลกรัมต่อไร่ โดยแยกใส่เป็น 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ใส่เพื่อรองก้นหลุม และที่เหลือจะใส่เมื่อบวบมีอายุได้ประมาณ 20-30 วัน วิธีการใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 จะโรยบริเวณข้างแถว จากนั้นค่อยๆ พรวนกลบลงในดิน รดน้ำตาม เพื่อให้ปุ๋ยละลาย ปุ๋ยไนโตรเจนให้ใส่ในอัตรา 3-5 กิโลกรัมต่อไร่ โดยใส่ในช่วง 15 วันแรกที่มีการปลูก
การเก็บเกี่ยวบวบ
การปลูกบวบจะมีช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยวหลังจาการปลูกประมาณ 40-60 วัน โดยคนส่วนใหญ่นิยมทานผลอ่อน ซึ่งเกษตรกรจะต้องเริ่มเก็บก่อนที่บวบจะแก่และแข็ง ไม่ควรปล่อยให้บวบแก่และติดกับต้นมากนัก เพราะจะส่งผลให้บวบชุดหลังมีขนาดที่เล็ก ปกติแล้วผลผลิตจะอยู่ที่ 860-1,050 กิโลกรัมต่อไร่ ในการเก็บเมล็ดพัน ในประเทศไทยของเราจะมีการเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้สำหรับการเพาะปลูกในชุดต่อไปเอง โดยการปล่อยให้บวบแก่กับต้น เมื่อบวบแก่จะมีเมล็ดพันธุ์สีดำ เปลือกหนา จะมีผิวเป็นคลื่นร่างแห ขอบเมล็ดจะไม่คม
การขายบวบ
ใน 1 ปี เกษตรกรจะปลูกบวบได้ประมาณ 3 รอบ ในการปลูกรอบแรก คือการยกร่องเป็นแปลงเสร็จ ก็ขุดหลุมหยอดเมล็ดพันธ์ุ จากนั้นก็นำไม้มาทำเป็นค้าง และขึงตาข่ายให้บวบเลื้อย และดูแลใส่ปุ๋ย ให้น้ำ จนอายุประมาณ 35 วัน ก็จะเริ่มให้ผลผลิต โดยจะเริ่มเก็บผลผลิตไปได้ทุกวันต่อเนื่องประมาณ 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลบวบ หากดูแลดีๆ ก็เก็บเกี่ยวได้เกือบ 2 เดือน หลังจากเก็บเกี่ยวครบ 1-2 เดือน ก็หมดรุ่น สามารถถางที่ และปลูกต่อได้เลย ซึ่งปีนึงได้ 3 รอบ ในรอบหนึ่งๆ เกษตรก็จะได้กำไรพอสมควร ขึ้นอยู่กับจำนวนไร่ที่เราปลูกบวบด้วย ยิ่งจำนวนไร่เยอะ ผลผลิตยิ่งเยอะ ถ้ามีพื้นที่สัก 5-10 ไร่ ในรอบๆ หนึ่งก็จะมีกำไรเป็นหลักแสน
กิจวัตรประจำวันของเกษตรกรที่ปลูกบวบก็คือ จะต้องออกไปตัดบวบ เสร็จแล้วก็จะมาเรียงใส่ถุงขาย แนะนำให้ใส่ถุงละ 5 กิโลกรัม และต้องตัด และเรียงใส่ถุงพร้อมส่งให้เรียบร้อย ที่สำคัญเวลาเรียงก็ต้องเรียงให้ดี ทะนุถนอม เนื่องจากบวบลูกใหญ่ และยาว หากไม่ระวังบวบก็จะหักได้ง่ายๆ เมื่อเสร็จแล้วก็จะนำบวบไปขายส่งให้พ่อค้าแม่ค้าที่จะนำบวบไปขายปลีกต่อ
ซึ่งบวบที่นำไปขายจะต้องลูกใหญ่และยาว เฉลี่ยบวบที่นำไปขายจะมีน้ำหนักลูกละประมาณ 500 กรัม ถึง 1 กิโลกรัม ราคาที่ขายส่งตอนนี้อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 20 บาท สำหรับราคานั้นก็ไม่ใช่ว่าจะดีแบบนี้ทั้งปี บางช่วงก็ราคาถูก แต่โดยรวมก็ถือได้ว่าการขายบวบสามารถทำกำไรได้เป็นอย่างดี