วิธีปลูกโหระพา พร้อมคำแนะนำในการขายโหระพา

โหระพาเป็นอีกหนึ่งชนิดที่หลายคนนิยมนำมารับประทาน ไม่ว่าจะเป็นผักสด หรือประกอบอาหาร ทำให้อาหารมีรสชาติดี กลิ่นหอมและน่ารับประทาน สำหับใบโหรพา อยู่คู่กับครัวไทยมานานแสนนาน จะคอยชูรสให้ต้ม ผัด แกงทอด ได้มีรสชาติที่ดีขึ้นและน่ารักประทานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังใช้เป็นสมุนไพรในการ ขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ส่วนของเมล็ดโหรพา เมื่อแช่น้ำรับประทานจะเข้าไปช่วยแก้บิด บำรุงรักษาลำไส้ได้เป็นอย่างดี

ลักษณะทางกายภาพของโหระพา

โหระพา เป็นพืชที่นิยมปลูกกันแพร่หลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินโดนีเซีย เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุสั้น พุ่มเตี้ยสูงไม่เกิน 60 เซนติเมตรเท่านั้นเอง โดยลักษณะของลำต้นจะมีรูปเหลี่ยม ก้านใบและลำต้นจะเป็นสีม่วงแดง ใบมีสีเขียวรูปร่างคล้ายกับหอกยาวประมาณ 1-3 นิ้ว กลิ่นหอม ในส่วนของดอกจะเป็นชั้นๆ คล้ายกับฉัตร โดยจะมีทั้งสีขาวและม่วง หรือชมพู สามารถเจริญได้ดีในทุกพื้นดิน แต่ทั้งนี้จะต้องมีความชื่นอย่างสม่ำเสมอ

การปลูกโหระพา สามารถปลูกได้โดยทั่วไป สำหรับประเทศไทยส่วนมากจะปลูกพันธ์พื้นเมือง โดยจะปลูกกันต่อๆ มา โดยจะมีการเก็บเมล็ดพันธ์เอง ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นพันธ์ต่างๆ ไป โดยไม่สามารถแบ่งแยกพันธ์ได้อย่างชัดเจน สำหรับการปลูกเพื่อการค้า ยังไม่ค่อยนิยมสักเท่าไหร่ เนื่องจากความต้องการในท้องตลาดที่ค่อนข้างจำกัด จะมีการซื้อขายมากขึ้นจะเป็นในเมืองเสียมากกว่า

การปลูกโหระพา

สำหรับเกษตรกรที่เลือกปลูกโหระพานั้น จะต้องทราบก่อนเลยว่าปลูกแค่เพียงครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นานถึง 2 ปีสิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอันดับแรกเลยคือ ดินที่ร่วนซุย มีความอุดมสมบูรณ์ ที่สำคัญจะต้องมีการระบายน้ำได้ดี อยู่ใกล้แหล่งน้ำ สามารถนำน้ำมารดได้อย่างสะดวก
ขั้นตอนในการเตรียมดิน

1.เนื่องจากโหระพาเป็นพืชที่มีระบบรากลึกปานกลาง ดังนั้นในการเตรียมดินจะต้องมีการขุด หรือไถลุกประมาณ 20-25 เซนติเมตร
2.ต่อด้วยการตากดินทิ้งไว้ 7-10 วันเพื่อกำจัดเชื้อโรคและวัชพืชที่มากับหน้าดิน
3.จากนั้นไถพรวนคราด ย่อยดินให้ละเอียด สำหรับขั้นตอนนี้เกษตรกรจะต้องเก็บเศษวัชพืชออกให้หมด
4 ทำการยกแปลงสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร กว้าง 1 เมตร ยาวตามความเหมาะสมของแต่พื้นที่ จะต้องมีการเว้นช่องว่างระหว่างแปลง โดยจะอยู่ที่ 30 เซนติเมตร
5.เมื่อมีการยกแปลงเสร็จ ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ที่ได้สลายตัวดี โดยจะใช้ในปริมาณ 800 กิโลกรัมต่อไร่ ด้วยวิธีการโรยให้ทั่วแปลง ตามด้วยปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 ในปริมาณ 50 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ถ้าเป็นสูตรสูตร 15-15-15 ให้ใช้ในปริมาณ 30 กิโลกรัมต่อไร่ โดยการหว่านให้กระจายทั่วทั้งแปลง คลุกเคล้าให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน

ขั้นตอนในการปลูกต้นโหระพา ในปัจจุบันนี้เกษตรกรจะนิยมปลูกได้ 2 วิธี

1.การเพาะต้นกล้าแล้วค่อยย้ายลงปลูกในแปลง
วิธีการนี้เกษตรกรสามารถทำได้ด้วยวิธีการหว่านเมล็ดให้กระจายทั่วแปลงที่ได้จัดเตรียมไว้ จากนั้นให้ใช้แกลบได้ทังแกลบสด หรือแกลบเผา ฟาง หรือหญ้าแห้งคลุมบางๆ แล้วค่อยรดน้ำตามทันที
หลังจากมีการหว่านเมล็ดไปนั้น จะต้องมีการรดน้ำเช้า-เย็นทุกวัน จนกระทั่งต้นกล้าอายุได้ประมาณ 20-25 วัน ค่อยทำการย้ายไปปลูกลงในแปลง ด้วยวิธีการถอนเด็ดยอดออก แล้วนำลงไปปลูกในแปลงที่เตรียมไว้ โดยระยะในการปลุก 20×20 เซนติเมตร
เมื่อมีการถอนต้อนกล้าแนะนำให้ให้นำไปปลูกลงในแปลงในวันเดียวเลย เพราะไม่อย่างนั้นต้นกล้าจะเหี่ยวโอกาสที่จะรอดก็ต่ำลงไปด้วย เมื่อมีการกลบดินเสร็จเรียบร้อยต่อด้วยการนำฟางเศษหญ้ามาคลุมเพื่อรักษาความชื้นของหน้าดิน เนื่องจากต้นโหระพาเป็นพืชที่ชอบดินที่มีความชื้น

2.การปักชำ
วิธีการนี้เกษตรกรจะเลือกใช้วิธรการตัดกิ่งที่โตเต็มที่ หรือกิ่งที่แก่จัด โดยการตัดเป็นทอนยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร จากนั้นแล้วปลิดใบออกให้หมดแล้วนำไปปักชำในแปลง โดยใช้ระยะในการปลูกเช่นเดียวกับการปลูกโดยการเพาะต้นกล้า 20×20 เซนติเมตร ต่อด้วยการใช้หญ้าแห้งหรือฟางแห้งสะอาดคลุมให้ทั่วแปลง และรดน้ำตามทันที จะต้องมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอเช้า-เย็นเพื่อที่ดินจะต้องชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา

การดูแลรักษาโหระพา

ก็อย่างที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้นแล้ว เนื่องจากต้นโหระพาเป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูงและสม่ำเสมอ ดังนั้นสิ่งที่เกษตรกรจะต้องทำเป็นประจำเลยคือการรดน้ำทุกวัน แต่ระวังอย่าปล่อยให้กินมีความแฉะจนเกินไป หรือปล่อยให้มีน้ำท่วมขังในแปลง เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้ต้นโหระพาเกิดโรครากเน่าได้ ในระยะแรกควรหมั่นทำการพรวนดินและกำจัดพืชที่คอยแย่งอาหารของต้นโหระพา ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ ด้วยการใช้มือถอนแต่ถ้าใช้จอบหรือเสียมดายหญ้าจะต้องระมัดระวังอย่าให้โดนราก

ในการปลูกโหระพาไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากเลยนะคะ เนื่องจากเป็นพืชที่ดูแลรักษาง่าย เจริญเติบโตดี แต่ทั้งนี้เกษตรกรเองจะต้องมีการให้ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต สูตร21-0-0 ปริมาณ10 กิโลกรัมต่อไร่ ละลายน้ำ แล้วทำการรดหลักจากมีการปลูก 15-20 วัน จะช่วยเร่งการเจริญเติบโต มียอดที่อวบและสวยงาม แล้วค่อยต่อด้วยปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 50 กิโลกรัมต่อไร่ ทุกครั้งหลังมีการเก็บเกี่ยว เพื่อช่วยให้ลำต้นมีการเจริญเติบโต และบำรุงลำต้นหลังจากการเก็บเกี่ยวด้วย

error: Content is protected !!