มะเขือยาวเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถเติบโตได้ทุกสภาพของดิน แต่ที่สำคัญคือเกษตรกรจะต้องดูและและให้สารอาหารที่เพียงพอ เนื่องจากมะเขือยาวเป็นพืชที่ต้องการสารอาหารมากที่สุด มากกว่ามะเขืออื่นๆ ก็ว่าได้ สำหรับมะเขือยาวนั้นสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งมีอายุที่ค่อนข้างยาวนานหากมีการดูแล และได้รับการบำรุงที่ดีสามารถให้ผลผลิตได้ถึง 2 ปี ดินที่เหมาะสมสำหรับการปลูกอยู่ที่ 5.5-6.5 จะเห็นได้เลยว่ามีการปลูกทั่วทุกภาคของประเทศไทย
การปลูกมะเขือยาว
1.ปลูกในกระถาง สำหรับการปลูกในกระถามสำหรับผู้ที่มีพื้นที่ในการปลูกน้อย แต่ทั้งนี้จะต้องเลือกกระถามที่มีก้นลึก เนื่องจากมะเขือยาวเป็นมีรากค่อนข้างลึก ที่สำคัญเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำดังนั้นกระถามที่นำมาปลูกจะต้องมีการระบายน้ำได้ดี ในตอนนี้สำหรับบ้านเรานั้นมีการปลูกมะเขือยาวอยู่ 2 สายพันธุ์ได้แก่ มะเขือยาวสีเขียวและสีม่วง
2.การปลูกมะเขือยาวลงบนแปลง พื้นที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตมากถึง 500 กิโลกรัม จะเห็นได้เลยว่าหากมีหารกปลูกมะเขือยาวลงบนไร่จะต้องมีการให้ปุ๋ยและอาหารในปริมาณที่มากและเพียงพอต่อความต้องการของต้นมะเขือยาว
มะเขือยาวสามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ดังนี้
1.ให้เกษตรกรนำเมล็ดพันธุ์มะเขือยาวที่ต้องการนำมาปลูก มาทำการแช่ในน้ำ ซึ่งประกอบไปด้วย สาหร่ายผงในปริมาณ 10 กรัม ต่อน้ำ20ลิตร กับ เชื้อราไตรโครเดอร์มานปริมาณ 200 CC และสารจับใบ 2 CC ทิ้งไว้1คืน เพื่อช่วยให้มีการออกรากและปริมาณการรอด เจริญเติบได้ดีขึ้น รวมไปถึงการช่วยให้มะเขือยาวมีความต้านทานโรคมากขึ้นกว่าเดิม
2. ก่อนที่จะมีการย้ายต้นกล้าลงแปลงปลูกนั้น จะต้องดูแลและรักษาตนกล้าไห้มีความแข็งแรงก่อน โดยวิธการเพาะดังนี้ โดยนำขลุยมะพร้าว หรือพีทมอส ใส่ในถาดหลุม ตามด้วยเมล็ดพันที่เกษตรกรได้ทำการแช่ไว้ในข้อที่ผ่านมา จากนั้นให้ทำการฝังเมล็ดมะเขือยาว เกลี่ยกลบด้วย ขลุยมะพร้าว วิธีการรดน้ำเกษตรกรสามารถใช้หัวสเปรย์ละเอียดให้ละอองน้ำเพื่อให้วัสดุเพาะชื้นทิ้งไว้ประมาณ 7-14 วันก็สามารถย้ายลงมาเพาะในถุงพลาสติกเพาชำ เป็นเวลา 14-15 วันก็นำลงสู่แปลงปลูกได้เลย สำหรับต้นกล้าที่เล็กหรืออ่อนแอเกษตรกรไม่ควรนำไปปลูก ถอนทิ้งได้เลย
การเตรียมดินเพาะปลูก
1. การเตรียมดินเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ดังนั้นเกษตรกรจะต้องมีการจัดเตรียมดินให้มีสภาพพร้อมก่อนที่จะนำต้นกล้าลงมาเพาะปลูก สำหรับพื้นที่ปลูกลาดเอียง จะต้องมีการปรับหน้าดินให้เหมาะสมสำหรับการปลูก ด้วยวิธีการควรขุดหรือทำการไถดิน ลึกประมาณ 15 ซม. จากนั้นพักตากดินเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคที่อาจมากับหน้าดินเป็นเวลา 5-7 วัน ก่อนการปลูกให้ผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกประมาณ 20 กิโลกรัม ต่อเนื้อที่5 ตารางเมตรรวมไปถึงการย่อยให้ดินมีความละเอียดก่อนการปลูกด้วย
2. สำหรับพื้นที่เขตน้ำฝน ทั้งนี้จะต้องมีการเลือกสถานที่ที่มีการระบายน้ำได้ดีเนื่องจากต้นมะเขือยาวเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำ หากได้รับน้ำในปริมาณมากจนเกิดไปอาจนำไปสู่โรครากเน่าได้ ปลูกแถวห่างกัน 2 เมตร แถวห่างกัน 1 เมตร ระยะห่างระหว่างต้นอยู่ที่ 1×1 เมตร เมื่อมีการเตรียมแปลงเพาะปลูกเสร็จ ให้ทำการผสมปุ๋ยคอกลงในดินปริมาณ 1200-3000 ที่สำคัญเกษตรกรต้องทำการยกร่องแปลงให้เสมอกันด้วยนะครับ เพื่อป้องกันน้ำขังบริเวณโคนต้น
วิธีการปลูกมะเขือยาว
1.เมื่อได้มีการจัดเตรียมความพร้อมในการปลูกทุกอย่างแล้ว ก่อนที่จะมีการนำต้นกล้าลงสู่แปลงปลูกนั้นแนะนำให้เกษตรกรทำการรดน้ำให้มีความชื้น จากนั้นขุดหลุม 30×30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพผสมกับฮิวมิในอัตราส่วนตามบรรจุภัณฑ์ และปุ๋ยเคมี24-7-7 ในปริมาณ 1 ช้อนชารองก้นหลุมมะเขือยาว จากนั้นทำการตอกหลักไม้ไผ่รวก ลงไปในกลางหลุม
2. หลังจากที่ได้จักเตรียมหลุมพร้อมแล้วได้เวลาของการน้ำต้นกล้าที่อยู่ในถาดมาทำการปลูกลงในหลุม แล้วทำการกลบหน้าดินที่มีสวนผสมของปุ๋ยหมัก โดยที่ดิน 2 ส่วนและปุยหมัก 1 ส่วนคลุกเคล้าให้เข้ากัน
3.ในขณะนี้ต้นกล้ายังอ่อนมีโอกาสที่จะหักหรือล้มได้ ดังนั้นเกษตรกรจะต้องดำเนินการผูกต้นกล้ามะเขือยาวกับหลัก จากนั้นให้รดน้ำวันละ 2 ครั้งเมื่อต้นกล้าแข็งแรงแล้วลดเหลือวันละ 1 ครั้ง ช่วงฤดูฝนอาจรดเฉพาะวันที่ฝนไม่ตกก็เพียงพอแล้ว
ก็อย่างที่ได้กล่าวมาในข้างต้นนั่นล่ะครับ เนื่องจากมะเขือยาวเป็นพืชที่ต้องการสารอาหารปริมาณที่มากก ดังนั้นเกษตรกรจะต้องมีการเพิ่มสารอาหารอยู่ตลอดเวลา เพื่อรักษาความสมดุล และช่วยให้มะเขือเทสมีการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น ด้วยการใช้ปุ๋ยคอก โรยบริเวณรอบๆ โคนต้น ทุก 3 เดือน ด้วยอัตรา1กระป๋องต่อต้น และจำเป็นที่จะต้องใช้ปุ๋ยเคมีในปริมาณ 1ช้อนโต๊ะต่อต้น ให้เลือกสูตรปุ๋ยเคมีที่ประกอบไปด้วย N: P: Kหรือ 5: 7: 4 ในการใช้ครั้งแรกสำหรับมะเขือยาวเกษตรกรจะสามารถให้ปุ๋ยเคมีได้ก็ต่อเมื่อ มะเขือยาวมีลำต้นสูงประมาณ 30 เซนติเมตร