สำหรับในบททความนี้ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การทำธุรกิจที่ผู้ประกอบการไม่ได้ผลิตสินค้าด้วยตัวเอง แต่จะจ้างโรงงานที่รับผลิต ผลิตสินค้าให้เราแทน ซึ่งโรงงานที่รับจ้างผลิตสินค้านี้ มีคำเรียกในภาษาอังกฤษสั้นๆ ว่า OEM หรือชื่อเต็มคือ Original Equipment Manufacturer
OEM นั้นจะคอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการทั้งหลาย ที่ต้องการมีสินค้าเป็นของตนเอง โดยไม่ต้องมีโรงงาน ไม่ต้องมีเครื่องจักร ไม่ต้องไปจ้างพนักงานมาผลิต เพียงแค่มีงบประมาณไปจ่ายให้กับ OEM เท่านั้น
ข้อดีของการจ้างให้โรงงานผลิตสินค้าให้
– OEM ทำให้ผู้ประการหน้าใหม่ลดความเสี่ยงในการขาดทุนไปได้มาก แทนที่จะเอาเงินไปจมกับการซื้อหรือเช่าที่ทำโรงงาน การสร้างโรงงาน การซื้อเครื่องจักรอุตสาหกรรม การจ้างพนักงงาน เราก็ตัดขั้นตอนตรงนี้ไป เอาเวลาไปบริหารธุรกิจดีกว่า และก็เงินตรงนั้นไปจ้าง OEM แทน
– เราสามารถทำธุรกิจได้ แม้ไม่เชียวชาญในการผลิตสินค้านั้นๆ
– เราสามารถเป็นเจ้าของสินค้าที่มีคุณภาพ และมีมาตรฐานในการผลิต
– เราสามารถสั่งผลิตสินค้าได้ในปริมาณที่ต้องการ
– มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการผลิตสินค้า
ข้อเสียของการจ้างให้โรงงานผลิตสินค้าให้
– เราอาจจะไม่เข้าใจในตัวสินค้าเหมือนกับการผลิตสินค้าของตัวเอง
– เราไม่สามารถควบคุมคุณภาพ และมาตรฐานการผลิตได้ บางโรงงานรับผลิตอาจจะแค่ผ่านมาตรฐาน แต่ถ้าเราผลิตเองอาจจะทำได้ดีกว่านั้น
– ถ้าสั่งผลิตสินค้าน้อย ต้นทุนต่อหน่วยจะสูง
– ถ้าโรงงานผลิตขาดความรับผิดชอบในตัวสินค้า ย่อมส่งผลกระทบของธุรกิจเราในภาพรวม
จ้างผลิตสินค้าอะไรดี
คำถามนี้จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ที่ว่ายากคือ ถ้าเราเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ ประสบการณ์ยังน้อย ไม่รู้ว่าจะขายอะไรดี เราก็ต้องทำการบ้านอย่างหนัก ดูข่าวธุรกิจ ดูทิศทางเศรษฐกิจ ดูความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันนี้ และที่สำคัญต้องดูเทคโนโลยีว่าไปถึงไหนแล้ว ส่วนที่ว่าง่ายก็คือ บางท่านมีประสบการณ์ทางธุรกิจอยู่แล้ว เช่น เคยทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทมาก่อน มีความรู้เกี่ยวสินค้าที่จะขาย หรือทางบ้านขายสินค้านี้มาก่อน จะออกมาต่อยอดสินค้าเพิ่ม เช่นนี้เป็นต้น
ซึ่งจริงๆ แล้วโรงงานรับผลิตสินค้า หรือ OEM สามารถผลิตสินค้าได้ทุกประเภท ถ้าท่านใดนึกไม่ออกว่าจะขายสินค้าชนิดใด ผมก็จะจำแนกประเภทไว้คร่าวๆ นะครับ
– อาหารและเครื่องดื่ม เช่น อาหาร อาหารเสริม ชา กาแฟ น้ำดื่ม
– ผลิตภัณฑ์ความงาม เช่น เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สปา สบู่ ยาสระผม โฟมล้างหน้า โรลออน
– ยาแผนโบราณ และสมุนไพร เช่น ยาดม ยาหม่อง ยาสมุนไพร น้ำมันนวดตัว
– สินค้าเพื่อการเกษตร เช่น ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี
– สินค้าที่ใช้ทั่วๆ ไป เช่น เสื้อผ้า รองเท้า ร่ม
– งาน hand mad เช่น งานไม้ต่างๆ
โดย OEM จะดูแลในเรื่องกระบวนผลิตทั้งหมด ตั้งแต่สูตรที่จะใช้ผลิตสินค้า จะเป็นของเราเฉพาะ ทั้งการออกแบบฉลาก และบรรจุภัณฑ์ โดยจะช่วยดูแลตรวจสอบสินค้าให้มีคุณภาพ และผ่านมาตรฐานตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุไว้
พิจารณา OEM ก่อนไปจ้างผลิตสินค้า
ซึ่งในปัจจุบันนี้มี OEM เกิดขึ้นมากมาย จนเราไม่รู้ว่าจะไปจ้าง OEM ที่ไหนผลิตสินค้าให้เราดี เราอาจจะพิจารณาได้จากตัวอย่างสินค้า ที่โรงงานเคยผลิตมาแล้ว ซึ่งสินค้าที่เค้าเคยผลิตมาแล้วจะสะท้อนความสามารถในการผลิตของโรงงานนั้นๆ ว่ามีคุณภาพ หรือได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคหรือไม่
ศึกษาข้อมูลให้พร้อมก่อนไปจ้างผลิต
เราต้องศึกษาหาข้อมูลมาว่า จะผลิตสินค้าอะไร วัตถุดิบที่จะใช้เป็นเกรดไหน แพ็คเก็จจิ้งเป็นอย่างไร พร้อมไอเดียในการทำธุรกิจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผู้ประกอบการจะมีข้อมูลเพื่อไปบอกให้กับผู้ผลิตได้ทราบถึงความต้องการ
สูตรในการผลิตสินค้า
สูตรในการผลิตสินค้า ทาง OEM ต้องให้สูตรที่เป็นเฉพาะของตัวเราเอง เพื่อเป็นการสร้างจุดขายให้กับผลิตภัณฑ์ ยกตัวอย่างเช่น เราจ้างผลิตน้ำหอมจากโรงงานรับผลิตน้ำหอมแห่งหนึ่ง น้ำหอมสูตรของเราจะต้องไม่มีกลิ่นซ้ำๆ กับกลิ่นอื่นๆ ที่มีอยู่ในโรงงานนั้น ซึ่งอาจจะต่างกันแค่วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต 1 ชนิด ซึ่งสูตรจะต้องไม่ซ้ำกับผู้ที่จ้างผลิตท่านอื่น ซึ่งตรงนี้เราก็ต้องเช็คดูด้วยนะครับว่าสูตรมีการซ้ำกันมั้ย
ตรวจสอบคุณภาพสินค้า
เราต้องตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่เราไปจ้างผลิตเสมอ เพื่อความมั่นใจในตัวผลิตภัณฑ์ เช่น เราสั่งผลิตโลชั่นทาผิว เราก็ต้องเอามาทาเอง หรือให้เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง ได้ทดลองใช้สินค้า ว่าทาผิวแล้วเกิดอาการระคายเคืองหรือไม่ เพื่อที่เราจะปรับปรุงพัฒนาสินค้าของเราให้มีคุณภาพ และมีมาตรฐานก่อนถึงมือผู้บริโภค
การออกแบบบรรจุภัณฑ์
เราควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสินค้าของเราเอง เพื่อสร้างจุดแข็ง และสร้างความแตกต่าง ไม่ไห้ซ้ำกับสินค้าที่มีอยู่มากมายตามท้องตลาด เพราะความแตกต่างเพียงเล็กน้อย จะช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับตัวสินค้า ซึ่งจะช่วยให้สินค้าเป็นที่จดจำได้ง่ายในเวลาอันรวดเร็ว
การขอ อย.
สำหรับการขอ อย. ในกรณีที่สินค้าเป็นอาหารและยา สินค้าต้องได้รับการรับรองคุณภาพ และมาตรฐาน อย. จึงจะสามารถนำออกไปจำหน่ายได้ ซึ่งทาง OEM เอง เค้าก็จะไปขอ อย. สินค้าที่เราจ้างผลิต มาให้เราเอง ซึ่งตรงนี้ก็เป็นข้อดีของ OEM นะครับ
จ้างผลิตจากจำนวนน้อย
ด้วยการที่เราเป็นผู้จ้างผลิต เราอาจจะทำความตกลงกับทางโรงงานว่า จะขอให้ผลิตสินค้าในจำนวนตามขั้นต่ำที่โรงงานได้กำหนดไว้ก่อน เพื่อเอาไปทดลองตลาดก่อน หากผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ จะค่อยสั่งผลิตสินค้าให้มากขึ้น
สรุป
จากวิธีการที่ได้กล่าวมาในบทความนี้ เพียงเท่านี้เราก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจ มีสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน ภายใต้แบรนด์ของเราเอง ทำให้เราหมดห่วงในเรื่องการผลิต และเอาไปเวลาไปโฟกัสในเรื่องการขาย การตลาด การบริหารธุรกิจให้ได้กำไรยิ่งๆ ขึ้นไป การทำธุรกิจต่างๆ ยากแค่ตอนเริ่มต้นเท่านั้น แต่ถ้าอยู่ตัวแล้ว มีประสบการณืมาบ้างแล้ว ทีนี้เราจะสนุกกับการทำธุรกิจ ความกังวลใจจะลดน้อยลง เพราะหลายๆ คนที่มาทำธุรกิจ จะกลัวกันมาก คือ เรื่องการขาดทุน แต่ถ้าเรามีการศึกษาเรื่องธุรกิจมาดี มีการเตรียมตัวมาดี โอกาสที่จะทำธุรกิจแล้วรวยก็มีมาก ผมก็ขอให้ผู้ประกอบการทุกท่านได้ร่ำรวยจากการขายสินค้าที่ดีมีคุณภาพกันทุกท่านนะครับ