เคยเข้าไปในร้านขายสินค้า ที่ทุกอย่างในร้านขายแค่ 10 บาทมั้ยครับ เป็นอะไรที่ถูกมากๆ และแน่นอนว่าส่วนใหญ่คนที่ซื้อจะไม่ได้ซื้อกันแค่ชิ้นเดียว จะซื้อกันหลายๆ ชิ้น เหตุเพราะว่าสินค้ามีราคาถูกมากยังไงหล่ะครับ ในบทความนี้ก็จะขอนำเสนอธุรกิจขายสินค้า 10 บาท ว่ามียากง่ายเพียงใด มาเริ่มศึกษารายละเอียดกันดีกว่าครับ
ความรู้ในการทำธุรกิจ
แน่นอนว่าจะทำธุรกิจ ต้องมีความรู้ทางธุรกิจเป็นอันดับแรก บางคนมีแต่เงินทุน แต่ไม่มีความรู้ในทางธุรกิจ การทำธุรกิจก็จะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นเราต้องศึกษาเรื่องธุรกิจให้ทะลุปุโปร่ง ถ้าเราไม่ได้จบคณะบริหารธุรกิจจะทำอย่างไรหล่ะ ในปัจจุบันนี้ตามร้านหนังสือ มีหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจมากมายให้เลือกอ่าน เราอาจจะใช้ทุนทรัพย์ในการหาซื้อหนังสือมาอ่าน หรือถ้าเค้ามีเปิดเข้าคอร์สอบรมผู้ประกอบการหน้าใหม่ ก็น่าสนใจ เพราะจะได้ไปฟังประสบการณ์จริงๆ ในการทำธุรกิจจากผู้บรรยาย เป็นการศึกษาจากชีวิตจริง ก็น่าจะได้อะไรดีๆ มาบ้าง
เงินลงทุน
เงินลงทุนสำคัญมาก ในการทำธุรกิจ มีความรู้เต็มเปี่ยม แต่ไม่มีเงินลงทุนก็จบ การขายสินค้าทุกอย่าง 10 บาท ข้อดีคือ ใช้เงินทุนไม่สูงนัก ตีไปว่ามีเงินอยู่ในมือ 2 แสนบาท เอาไว้เป็นเงินลงทุนซื้อสินค้าสัก 1 แสนบาท เงินทุนหมุนเวียน 5 หมื่นบาท เอาไว้ซื้อสินค้าหมุนเวียนไว้ในสต็อค และเป็นเงินทุนสำรอง 5 หมื่นบาท เรื่องเงินลงทุนผมคิดว่า ถ้าเป็นเงินที่เป็นเงินเย็นของเราจะดีกว่า คือเป็นเงินที่มีการจากออมเงินจากรายได้งานประจำ จนเก็บเงินได้ครบ 1 แสน และออกมาทำธุรกิจตัวเอง การกู้หนี้ยืมสินมาทำธุรกิจ ถือเป็นเงินร้อน เราต้องจ่ายดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้ การใช้เงินเย็นของเรา ผมคิดว่านาจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
ทำเล
ทำเล สิ่งนี้ก็สำคัญ เจ้าของธุรกิจท่านใด ได้ทำเลทอง ถือว่าโชคดีมากทีเดียว ซึ่งทำเลทอง ส่วนใหญ่แล้วจะมีค่าเข่าที่แพง เพราะใครๆ ต่างก็ต้องการจะมาเปิดธุรกิจในทำเลทองนั้นๆ ทำเลทอง คือ ทำเลที่มีผู้คนเดินพลุกพล่าน เช่น ที่ตลาด หน้าโรงเรียน หน้ามหาวิทยาลัย หน้าโรงงานอุตสาหกรรม ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสินค้า 10 บาท จะเห็นได้ตามตลาดต่างๆ อาจจะเป้นเพราะที่ตลาดค่าเช่าไม่แพง และก็คนเดินหนาแน่น เรื่องทำเลนี้ก็ต้องเลือกให้ดีนะครับ เป็นสิ่งสำคัญมากเลยครับ
ขายแค่ 10 บาทจะได้กำไรหรือ
ก็ต้องขอตอบว่า ได้กำไรครับ แต่ได้น้อย เฉลี่ยทุนจะอยู่ที่ 2-9 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า การขายสินค้าราคาแบบนี้ ต้องเน้นปริมาณครับ สมมติว่าขายได้กำไรชิ้นละ 5 บาท เราจะต้องขาย 100 ชิ้น ถึงจะได้กำไรวันละ 500 บาท ถ้า 200 ชิ้นก็ได้กำไร 1000 บาท สเกลธุรกิจจะเป็นประมาณนี้
ซื้อสินค้าจากที่ไหนกัน
ถ้าในกรุงเทพ ก็ต้องเป็นตลาดสำเพ็งหล่ะครับ ตลาดสำเพ็งเป็นแหล่งค้าส่งขนาดใหญ่ ไปเลือกดูสินค้าได้เลยครับ ถ้าจะให้ดี สินค้าที่เหมาะสมจะนำมาขายราคาทุนต้องไม่เกิน 7 บาทนะครับ เกินกว่านี้เดี๋ยวกำไรจะน้อยครับ ถ้าจะถามว่าสินค้าในสำเพ็งส่วนใหญ่นำมาจากไหน ส่วนใหญ่นั้นนำเข้ามาจากจีนครับ ที่เค้าเอามาขายส่งให้เรา นั่นเค้าบวกกำไรไปแล้วนะครับ เห็นอย่างนี้แล้ว เราก็คงอยากนำเข้าสินค้าจากจีนมาขายบ้างแล้วใช่มั้ยครับ เพราะได้ราคาถูกกว่ากันเห็นๆ แต่เนื่องจากการนำเข้าสินค้าจากจีนมาขายมีรายละเอียดปลีกย่อยมาก บางทีต้องไปเข้าคอร์สศึกษาวิธีนำเข้าสินค้าจากจีนกันเลยหล่ะครับ แต่ถ้าทำได้ ก็จะเป็นผลดีในทางลดต้นทุน เราก็จะได้ของที่ถูกกว่าสำเพ็งครับ แต่เดี๋ยวนี้ก็มีร้านค้าออนไลน์หลายร้านที่ขายส่งสินค้าราคาถูกให้ถึงบ้านโดยที่ไม่ต้องเป็นแฟรนไชส์ เช่น ร้านสำเพ็ง76
แฟรนไชส์ 10 บาท ดีมั้ย
แฟรนไชส์ 10 บาทก็ดีครับ เค้าก็จะมีทุกอย่างให้เราพร้อม ไม่ต้องไปเสียเวลาดูสินค้าที่สำเพ็ง เค้ามีสินค้ามาส่งให้ที่บริษัทขนส่ง แล้วเราก็ไปรับสินค้ามา ข้อดีของการซื้อแฟรนไชส์คือ เค้าทำระบบต่างๆ ไว้หมดแล้ว ทำให้การทำธุรกิจมีความติดขัดน้อย จะยากก็ตอนเริ่มทำใหม่ๆ อาจจะมีติดขัดบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าอยู่ตัวแล้วก็กินยาวครับธุรกิจนี้ ตัวอย่างแฟรนไชส์ 10 บาท ในปัจจุบันนี้ก็คือ Strawberry Club มีสินค้าเช่น กิ๊ฟช็อป, ของใช้, อุปกรณ์ IT, กระเป๋าช้อปปิ้ง, งานไม้, อุปกรณ์เสริมสวย แต่ที่ Strawberry Club จะเน้นพวกสินค้ากิ๊ฟช็อปเป็นพิเศษ
บันทึกรายรับจ่าย
ในการทำธุรกิจนั้น การบันทึกรายรับจ่ายเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การทำธุรกิจหน้าร้าน เพราะเราจะได้รู้ถึงยอดขายในแต่ละวัน ว่ารายได้หักลบกับต้นทุนแล้วได้กำไรมั้ย รวมทั้งการสังเกตเอาไว้ ว่าสินค้าใดขายดี เอามาไม่เท่าไหร่เดี๋ยวก็หมด หรือสินค้าใดขายไม่ดี เพื่อเป็นแนวทางในการทำธุรกิจให้ได้ผลกำไรเพิ่มขึ้นต่อไป
สินค้าอะไรขายดี
กลุ่มสินค้าที่ขายได้ขายดีตลอดทุกเทศกาล คือ ปากกา ดินสอ สมุดเขียนหนังสือ แม๊ก กระจกแบบพกพา ตะเกียบ ไม้จิ้มฟัน กล่องใส่กระดาษทิชชู่ ไฟแช็ค แก้วน้ำพลาสติก ไม้ปัดขนไก่ พรมเช็ดเท้า ถุงขยะ ถังกะละมังต่างๆ ของพวกนี้ต้องมีสำรองมาเติมไว้อย่าให้หมด เพราะขายได้เรื่อยๆ
การตลาดสำคัญมั้ย
ถ้าร้านของเราอยู่ในทำเลที่ดี มีคนเดินไปเดินพลุกพล่าน เช่น ในตลาด นั่นถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว เพราะไม่นานร้านของเราก็จะเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ จากลูกค้าขาประจำที่มาซื้อของที่ตลาด และแวะมาซื้อที่ร้านเรา สำหรับธุรกิจประเภทนี้ ถ้าทำเลดี การตลาดแทบไม่ต้องเลย ของดีอยู่ที่ไหนก็ดี แต่ถ้าเราขายแล้ว ยอดขายของร้านเราตกไปจากเดือนก่อนๆ ก็จำเป็นต้องงัดกลยุทธ์การตลาดมาใช้ อาจจะจ้าง พริตตี้ หรือ MC มาโฆษณาร้านเราให้กับผู้คนที่เดินสัญจรไปมา หรือในร้านอาจจะมีแถมสินค้า 1 ชิ้นทุกวัน สำหรับท่านที่ซื้อสินค้าครบ 200 บาท อย่างนี้เป็นต้น
สรุป
การทำธุรกิจขายสินค้า 10 บาท ก็ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะราคาจำกัดอยู่แค่ 10 บาท ทำให้ลูกค้าไม่ลังเลรีรอที่จะซื้อ และจากความหลากหลายของสินค้า แน่นอนว่าส่วนใหญ่ไม่ซื้อชิ้นเดียว จะซื้อหลายชิ้น ติดไม้ติดมือกลับบ้าน เรียกว่าถ้าเปิดร้านในทำเลที่มีคนพลุกพล่าน ก็ขายได้เรื่อยๆ กินยาวๆ จนกว่าจะมีคู่แข่งขายสินค้า 10 บาทมาเปิดใกล้ๆ กัน เพราะเห็นว่าขายดี เพื่อขอแย่งชิ้นเค้กทางการตลาด อันนี้ก็ถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ทางแก้คือต้องใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเข้าช่วย ให้เอาชนะร้านที่มาเปิดใหม่ให้ได้
ธุรกิจสินค้า 10 บาทนี้น่าสนใจ สามารถทำเงินได้ระยะยาว ผมก็ขออวยพรให้ท่านที่ทำธุรกิจขายสินค้า 10 บาท ประสบความสำเร็จ และร่ำรวยกันทุกท่านนะครับ