สำหรับบทความนี้ เราก็จะมาทำข้าวจี่กันนะครับ เมื่อทำเสร็จแล้ว ใครจะเอาไว้ทานเล่น หรือใครจะนำไปทำขายเพื่อสร้างรายได้ก็ดีมากๆ ครับ การทำข้าวจี่ต้องลงมือฝึกทำบ่อยๆ นะครับ อร่อยหรือไม่อร่อยค่อยว่ากัน ทำไปหลายๆ ครั้ง เราก็จะจับจุดในรายละเอียดปลีกย่อย ว่าทำอย่างนี้อร่อย ทำอย่างนี้ไม่อร่อย ก็ฝึกมือทดลองกันไปครับ
ประวัติข้าวจี่
ผมก็จะขอเกริ่นถึงประวัติข้าวจี่สักเล็กน้อยนะครับ ข้าวจี่เนี่ยจริงๆ เป็นขนมพื้นบ้านของทางภาคอีสานนะครับ ข้าวจี่นิยมทำกันมากในช่วงเดือนสามของทุกปีนะครับ ซึ่งช่วงเดือนสามนี้ จะมีการทำข้าวจี่ไปทำบุญในงานบุญ ซึ่งเรียกว่า ประเพณีบุญข้าวจี่
ส่วนทางภาคเหนือ ก็มีข้าวจี่เช่นเดียวกับภาคอีสาน เพียงแต่ส่วนผสมจะเพิ่มกะทิเข้ามาด้วย เมื่อถึงเวลาเดือนสี่ของทางภาคเหนือ ซึ่งจะตรงกับราวๆ เดือนมกราคมของภาคกลาง ก็จะมีการนำข้าวจี่กับข้าวหลามไปทำบุญตักบาตร เรียกกันว่า บุญข้าวจี่ข้าวหลาม
และที่ประเทศลาว ก็มีอาหารที่เรียกว่าข้าวจี่ เหมือนกันนะครับ ที่ลาวจะนิยมทานข้าวจี่กันที่เมืองหลวงพระบาง ข้าวจี่ของลาวก็จะมีลักษณะเป็นขนมปังแท่งยาวๆ แบบฝรั่งเศส แล้วนำมาผ่าซีก เสร็จแล้วก็นำไปใส่เครื่องเคียงต่างๆ เช่น ไข่เจียวตัดเป็นเส้นๆ แตงกวา หมูยอ หมูหยอง (คนลาวเรียกหมูฝอย) และปิดท้ายปรุงรสด้วยซอสมะเขือเทศ ซึ่งตัวข่าวจี่ของลาว ลักษณะ และรสชาด จะต่างจากข้าวจี่ของทางภาคเหนือ และภาคอีสานของไทยครับ
และอาจเป็นเพราะข้าวเหนียวจะเสียเร็วในตอนกลางวัน สมัยก่อนข้าวเหนียวจึงถูกทำเป็นข้าวจี่ แล้วห่อใบตองไปกินเป็นอาหารตอนทำนา หรือเดินทางไกล เพราะสามารถเก็บได้นานขึ้นครับ
ข้าวจี่ทำจากอะไร
ข้าวจี่ทำจากข้าวเหนียวนึ่งทาเกลือ และปั้นเป็นรูปกลมๆ หรือรีๆ เสียบไม้นำไปย่างบนเตาถ่าน ใช้ไฟอ่อให้พอเกรียม แล้วก็นำมาชุบไข่ และก็นำไปย่างใหม่จนเหลือง และดึงไม้ที่เสียบไว้ออก ยัดน้ำตาลอ้อยเข้าไปแทน น้ำตาลก็จะละลายเป็นไส้
เอาหล่ะครับ มาเข้าสู่สูตรวิธีการทำข้าวจี่กันดีกว่า ว่ามีส่วนผสม และวิธีการทำกันอย่างไรบ้าง
สูตรวิธีการทำข้าวจี่ สูตรที่ 1
ส่วนผสมข้าวจี่
– ข้าวเหนียวนึ่ง 500 กรัม
– กะทิ 1/2 ถ้วย
– ไข่ไก่ 2 ฟอง
– เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีการทำข้าวจี่
– ให้ผสมกะทิและเกลือก่อนคนให้เกลือละลายหลังจากนั้นให้เทใส่ชามข้าวเหนียวนึ่งที่เตรียมไว้ แล้วนวดให้กะทิและข้าวเหนียวเข้ากันดีแนะนำให้เททีละครึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้แฉะเกินไป
– ปั้นข้าวเหนียวที่ผสมกะทิแล้วให้แผ่นๆหนาประมาณ 1นิ้วแผ่นขนาดปานกลางไม่ต้องใหญ่มากแล้วเสียบไม้หรือจะย่างแบบไม่เสียบไม้ก็ได้
– ตีไข่ไก่ที่เตรียมไว้ปรุงรสเล็กน้อย (ไม่ต้องเข้มข้นเหมือนทำไข่เจียว)
– นำข้าวเหนียวที่ปั้นแล้วไปย่างบนไฟอ่อนๆพอสีเริ่มเหลืองให้นำมาชุบไข่และนำไปย่างอีกครั้งจนสีเหลืองสวยก็สามารถรับประทานได้แล้ว
สูตรวิธีการทำข้าวจี่ สูตรที่ 2 (ข้าวจี่ประยุกต์)
ส่วนผสมข้าวจี่
– ข้าวเหนียว จะซื้อหุงใหม่ ซื้อมาร้อนๆ หรือเอาข้าวเหนียวเก่าค้างคืนก็ได้
– ไข่ มากน้อยขึ้นกับข้าวเหนียวค่ะ
– เกลือ หรือซีอิ้วก็ได้
– น้ำมัน นิดหน่อย
วิธีการทำข้าวจี่
– หากใช้ข้าวเหนียวค้างคืนที่แช่เย็นไว้ แนะนำให้อุ่นข้าวเหนียวก่อนเพื่อให้ข้าวเหนียวมีความนุ่ม แต่หากเป็นข้าวเหนียวที่ซื้อมาไม่จำเป็นต้องอุ่น
– ผสมข้าวเหนียวกับไข่โดยดูจากปริมาณข้าวเหนียวที่เตรียมไว้ โดยตีไข่ทีละฟองแล้วเทใส่ข้าวเหนียวแล้วปรุงรสด้วยเกลือหรือซีอิ๊วนวดไข่กับข้าวให้เข้ากัน
– ปั้นข้าวเหนียวที่ผสมไว้แล้วเป็นแผ่นๆหนาพอประมาณ หรือจะใช้พิมพ์กดขนมมากดทำเป็นรูปต่างๆก็ได้
– ตั้งกระทะใส่น้ำมันนิดหน่อยเพื่อไม่ให้ติดกระทะรอให้ร้อน เมื่อร้อนได้ที่ให้นำข้าวเหนียวที่ปั้นไว้ชุบไข่แล้วนำไปจี่ในกระทะใช้เวลาด้านละ 2-3 นาทีแนะนำให้ใช้ไฟอ่อนๆหรือดูว่าเหลืองได้ที่หรือไม่พลิกไปมาจนเหลืองสวยทั้งสองด้าน แค่นี้ก็รับประทานได้แล้ว
สูตรวิธีการทำข้าวจี่ สูตรที่ 3 (ข้าวจี่ทรงเครื่อง)
ส่วนผสมข้าวจี่
– ข้าวเหนียวนึ่งสุก 2 ถ้วยตวง
– ผงปรุงรสคนอร์ 1 ช้อนโต๊ะ
– ไข่ไก่สองฟอง
– หอมใหญ่หั่น 1 ลูก
– ต้นหอมซอย
– น้ำมันพืช
วิธีการทำข้าวจี่
– ปรุงส่วนเครื่องก่อนโดยผัดหอมใหญ่ใสกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อยผัดและปรุงรสกลางๆ ผัดให้มีกลิ่นหอม
– นำเครื่องที่ผัดเสร็จแล้วมาใส่ในข้าวเหนียวแล้วคลุกให้เข้ากันชิมรสให้พอดี
– ปั้นข้าวเหนียวที่ปรุงเสร็จแล้วเป็นแผ่นขนาดตามต้องการ
– ตอกไข่และตีให้แตกแบบไข่เจียว หลังจากนั้นนำข้าวเหนียวที่ปั้นแล้วมาชุบให้ทั่ว
– นำข้าวเหนียวที่ชุบไข่แล้วขึ้นย่างไฟอ่อนๆสลับกับชุบไข่ประมาณ 2-3 รอบย่างให้เหลืองสวยหรือจะนำไปจี่ในกระทะก็ได้ เมื่อเสร็จแล้วรับประทานได้ทันที
สูตรวิธีการทำข้าวจี่ สูตรที่ 4 (ข้าวจี่หวาน)
ส่วนผสมข้าวจี่
– ข้าวเหนียวมูลปริมาณตามชอบจะใช้ข้าวเหนียวมูลที่ค้างคืนก็ได้ (หากซื้อมาแล้วรับประทานไม่หมด)
– ไข่ไก่
วิธีการทำข้าวจี่
– นำข้าวเหนียวมูลมาปั้นให้แผ่นๆหนาตามชอบโดยไม่ต้องปรุงรสเพราะรสชาติข้าวเหนียวหวานมันอยู่แล้ว
– ตอกไข่และตีให้แตก
– นำข้าวเหนียวที่ปั้นไว้มาชุบไข่ให้ทั่ว
– นำข้าวเหนียวที่ชุบไข่แล้วมาย่างให้เหลือง หรือจะจี่ในกระทะก็ได้หากชอบไข่หนาๆหรือสีเหลืองเข้มๆให้ชุบไข่ย่างซ้ำหลายครั้ง ย่างเสร็จแล้วรับประทานได้ทันที
เคล็ดลับการทำข้าวจี่ให้อร่อย
– ข้าวจี่สามารถดัดแปลงได้หลายแบบสามารถเติมเครื่องและปรุงรสได้ตามชอบ
– ข้าวจี่สามารถทานคู่กับของแกล้มได้เช่น หมูย่าง เนื้อทอด เพื่อเพิ่มรสชาติและดัดแปลงเป็นอาหารฟิวชั่นได้
– ควรใช้ข้าวเหนียวที่มีความนุ่มจะทำให้รสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้น
– การชุบไข่และย่างหลายๆครั้งจะทำให้ข้าวเหนียวมีสีสันที่สวยน่ารับประทานและมีความหอมของไข่
การขายข้าวจี่
เนื่องจากข้าวจี่เป็นขนมที่มีความอร่อย และคนอีสาน หรือคนเหนือ ส่วนใหญ่จะทานข้าวจี่เป็นอยู่แล้ว ดังนั้นการทำข้าวจี่จึงเป็นธุรกิจที่สามารถทำได้เรื่อยๆ ซึ่งข้อดีของการทำข้าวจี่ขายก็คือ ลงทุนน้อย ใช้เพียงเตาถ่าน กับตะแกรงย่างข้าวจี่
และที่สำคัญทำเลดีๆ สักที่หนึ่ง ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องอยู่ในย่านชุมชน ที่มีคนเดินสัญจรไปมา ซึ่งถ้าบ้านเราอยู่ในจุดนนั้นๆ จะดีมากๆ เพราะไม่ต้องไปเสียค่าเช่าที่เพิ่ม แต่ถ้าบ้านเราไม่ได้อยู่ในเขตชุมชน ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จำเป็นต้องเสียเงินค่าเช่าเพิ่ม เพื่อให้ได้อยู่ในจุดดีๆ
ช่วงเวลาในการขายข้าวจี่ ผมแนะนำว่าควรจะเป็นช่วงเช้าก่อนเข้างาน คือ 6 โมงเช้าถึง 8 โมงเช้า และช่วงพักเที่ยง และช่วงเย็นหลังเลิกงานคือตั้งแต่ 5 โมงเย็นเป็นต้นไป เพื่อขายข้าวจี่ให้กับนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ที่เดินผ่านไปในบริเวณนั้น ซึ่งบางคนก็อาจจะกลายมาเป็นลูกค้าประจำ ซื้อข้าวจี่ร้านเราทานบ่อยๆ เนื่องจากติดใจในรสชาดของข้าวจี่ฝีมือเรา
และเราควรใช้สื่อออนไลน์ ให้เป็นประโยชน์ เช่น เมื่อมีคนมาซื้อข้าวจี่ที่ร้านเรา ก็อาจจะทำนามบัตรแจก ในนามบัตรจะเป็นลิ้งค์ fanpage ของเรา เพื่อคอยติดตามโปรโมชั่นของทางร้านเรา เช่น ช่วงนี้จัดโปรซื้อ 3 แถม 1 และไว้คอยให้ลูกค้าติดต่อกับเรา เวลาเค้าจะเหมาข้าวจี่ในร้านเรา เพื่อไว้ไปงานเลี้ยงต่างๆ หรือจะจ้างเราไปทำข้าวจี่นอกสถานที่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นโอกาสของเราที่จะได้จากทางสื่อออนไลน์ต่างๆ
และเมื่อร้านเราดังแล้วหล่ะ? แน่นอนว่า ถ้าเราจะก้าวไปข้างหน้าอีก ก็ต้องสาขา 2 สาขา 3 ตามมา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับกำลังของเราว่าจะไหวมั้ย ซึ่งช่วงแรกๆ เราอาจจะคือผู้ทำข้าวจี่ ไม่มีลูกน้อง ทำเองขายเอง ทำการตลาดเอง แต่เมื่อร้านเราเริ่มดังแล้ว เราต้องการขยายสาขา เราก็ต้องจ้างลูกน้องมาทำแทนเรา ตัวเราไปคิดเรื่องการตลาดแทน ว่าจะต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างไร
การทำธุรกิจเป็นสิ่งที่ค่อยๆ โต อาศัยระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวชื่อเสียง และได้รับความน่าเชื่อถือ จากคนในละแวกนั้น ซึ่งผมก็อยากให้ท่านที่อยากขายข้าวจี่ ได้เป็นเบอร์ต้นๆ ในแถบทำเลที่ท่านขาย เมื่อพูดถึงข้าวจี่ในย่านนั้น คนในละแวกนั้นต้องนึกถึงร้านเรา เป็นอันดับต้นๆ
ผมก็ขอให้ท่านที่จะเปิดร้านขายข้าวจี่ ได้ร่ำรวยกันทุกท่านนะครับ