แน่นอนว่าในสังคม ย่อมมีทั้งองค์กรที่ดีและไม่ดี ซึ่งเราก็ต้องเลือกทำงานในองค์กรที่ดีและมีความมั่นคง ซึ่งการที่จะเลือกทำงานในองค์กรเล็ก หรือใหญ่ก็แตกต่างกันไปตามความชอบของ แต่ละคน
แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องเลือกองค์กรที่ดูดีและมีอนาคต เพราะเราเองก็ไม่ใช่คนรวยมาจากไหน จะมานั่งทำงานงก ๆ ให้กับบริษัทที่ไม่มีอนาคตก็กะไรอยู่ ลักษณะขององค์กรที่ดูดีและมีอนาคต ก็อย่างเช่น มีโบนัส สวัสดิการ มีการเลื่อนตำแหน่งมากกว่าที่จะประกาศรับสมัครคนใหม่ มีการขึ้นเงินเดือนทุกปี ผลประกอบ การของบริษัทดี อยู่ในเชิงบวกทุกปี ซึ่งบริษัทดังที่กล่าวมานี้ เรียกได้ว่า เป็นบริษัทที่ควรค่าแก่การทำงาน
บริษัทที่เราควรจะหลีกเลี่ยงก็อย่างเช่น บริษัทที่ไม่มีสวัสดิการ จ่ายโบนัสน้อย ผลประกอบการรายปียํ่าแย่ เจ้านายไม่มีเหตุผล ทำงานไม่เป็นระบบระเบียบ ซึ่งหากว่าเราเจอบริษัทประเภทนี้ก็ควร จะหลีกหนีให้ไกล
ดังนั้นก่อนที่จะสมัครงาน ควรจะศึกษาให้ดีว่าบริษัทที่เรากำลังจะเข้าทำงานเป็นอย่างไร ซึ่งอาจจะสอบถามจากบุคคลใกล้เคียง หรือค้นหาจากทางเว็บไซต์ในอินเตอร์เน็ต
ลักษณะขององค์กรแบบต่าง ๆ
ก่อนที่จะเลือกสมัครงาน เราควรที่จะรู้ลักษณะขององค์กร ก่อนว่ามีลักษณะอย่างไรบ้าง ซึ่งองค์กรหรือว่าบริษัทต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะไม่หนีไปจากลักษณะทั้ง 4 ประเภทนี้
1. แบบดั้งเติม องค์กรเป็นแบบล้าสมัย องค์กรแบบนี้เป็นองค์กรที่เราจะต้องทำงานให้เขาเจริญรุ่งเรืองจริง ๆ เพราะว่าเขามักจะคิดว่าเขาให้เงินเดือนเราพอแล้ว เลยไม่ค่อยให้อะไรมากนัก
2. แบบใหม่ เป็นองค์กรที่ทำงานเพื่อองค์กรอย่างแท้จริง ซึ่งเราอาจจะต้องทำงานหนัก เพื่อแลกเปลี่ยนกับค่าตอบแทนสูง ซึ่งจะใช้เงินตามผลงานของเรา แน่นอนว่าหากว่าเราทำผลงานได้ดี ทำงานเก่งก็ย่อมจะได้เงินตอบแทนที่ค่อนข้างคุ้มค่า
3. แบบครอบครัว การบริหารแบบนี้อาจจะทำให้เรารู้สืกอึดอัด เพราะเป็นการทำธุรกิจแบบพ่อปกครองลูก เราอาจจะรู้สึกมีอิสระในการทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ เท่าไหร่นัก
4. แบบพวกไฟแรง เป็นองค์กรหรือบริษัฑที่มีการแข่งขันสูง เราจะต้องปรับตัวและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากว่าเราไม่กระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา เราอาจจะอยู่ไม่ได้ แต่หากว่าเราเป็นคนไม่ค่อยอยู่นิ่ง องค์กรแบบนี้ก็น่าจะเหมาะสมกับเรา
แต่ละคนก็ชอบองค์กรหรือว่าบริษัทในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากว่าเราค้นหาเจอว่าเราชอบแบบไหน ก็สามารถที่จะเลือกสมัครงานได้ตามองค์กรที่เราต้องการ
ความเขัากันไดัระหว่างองค์กรกับตัวเรา
แน่นอนว่าเมื่อเราเข้าไปทำงานในบริษัทใหม่ ๆ เราจำเป็นจะต้องปรับตัวให้เข้ากับการทำงานดังกล่าว เพื่อที่เราจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยิ่งเราปรับตัวได้เร็วเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้ เราสามารถแสดงความสามารถที่แท้จริงของเราออกได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเราเข้ามาทำงานแล้ว เราจะต้องทราบว่าองค์กรที่เราทำงานด้วยนั้นมีเป้าหมาย และการดำเนินงานอย่างไร งานของเราจะต้องติดต่อสื่อสารกับใครบ้าง ขอบข่ายงานของเรามีแค่ไหน หากมีปัญหาเกิดขึ้นใครจะเป็นคนที่ให้คำปรึกษาเราได้เป็นคนแรก แน่นอนว่าเราจะต้องรู้ลำดับขั้นตอนการทำงาน และการบริหารด้วย ซึ่งเมื่อเรารู้คร่าวๆ แล้ว เราก็สามารถที่จะปรับตัวเข้ากับการทำงาน ซึ่งเราจะทำได้ดีแค่ไหน เราก็ต้องถามตัวเองว่า เรามีความสามารถแค่ไหน
ความเหมาะสมของบริษัท ตัวเรา และตำแหน่งงาน
ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นจะไม่มีความหมายเลย หากว่าเราไม่มีความเหมาะสมกับงานและบริษัท ซึ่งแน่นอนว่าธรรมชาติของแต่ละคนย่อมจะแตกต่างกัน เราอาจจะแปลกใจว่าทำไมคุณสมรศรีถึงมีความอดทนในการทำงานในองค์กรแบบโบรํ่าโบราณ ในตำแหน่งงานที่น่าเบื่อ ซึ่งหากมองในมุมของคุณสมรศรีเขาอาจจะชอบความเรียบง่าย แต่มั่นคงนี้ก็เป็นได้