วิธีเปิดร้านขายส้มตำให้ประสบความสำเร็จ

ขายส้มตำ

 

ส้มตำจัดได้ว่าอาหารที่อยู่คู่คนไทย และเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของไทย จะได้ว่าชาวต่างชาติเมื่อมาเที่ยวประเทศไทย จะนิยมเลือกเมนูอาหารส้มตำที่เผ็ดอร่อยที่เข้ามาร่วมด้วย และเราก็มักเห็นร้านส้มตำ ตั้งแต่ข้างถนนจนถึงร้านส้มตำไฮโซที่มีการออกข่าวให้เห็นกันมาแล้ว แต่ใครจะรู้บ้างว่าไม่ว่าส้มตำไฮโซ หรือส้มตำข้างถนน ก็ทำคนรวยมาหลายรายแล้ว

ลักษณะอาชีพ

เป็นงานขายฝีมือการทำอาหารอย่างแท้จริง เพราะปัจจุบันส้มตำมีหลากหลายเมนู “ตำ” และคนที่จะตำส้มตำได้ต้องตำส้มตำอร่อยเท่านั้น เพราะหากตำไม่อร่อย อาจจะไม่มีลูกค้าอีกเลยก็เป็นได้ ดังนั้นอาชีพนี้ ขายฝีมือ การบริการ อัธยาศัยใจคอต้องดี

การลงทุน

ประมาณ 20000-30000 บาท โดยที่การลงทุนส่วนมากอยู่ที่หน้าร้าน หากไม่มีหน้าร้านอาจจะเป็นการขายแบบรถเข็น ซึ่งราคาในการต่อรถมอเตอร์ไซต์ ให้เป็นรถเข็นอยู่ที่ 12000-15000 บาท หรือเป็นแบบแผงลอยก่อนก็ได้

วัสดุอุปกรณ์

ส่วนมากจะเป็นส่วนผสมที่ต้องใช้ในการตำส้มตำทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นมะละกอ ผัก และผลไม้ต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือเครื่องปรุงต่างๆ หากไม่ครบเครื่องคงไม่อร่อย และเมื่อขายส้มตำก็ต้องขายไก่ย่างด้วย

1. หน้าร้าน หรือแผงลอย หรือรถเข็น ขนาด 1X2 เมตร
2. ครก+สาก
3. มะละกอ แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือ มะเขือเทศ มะนาว พริก และผักต่างๆ ที่นำมาใช้ในการตำส้มตำ และกินกับส้มตำ
4. น้ำปลา น้ำตาลปิ๊บ
5. ปูดอง กุ้งแห้ง ปลาร้า
6. ทัพพี หม้อ เขียง
7. ถ่าน ตะแกรง กระทะสำหรับย่างไก่ แทนเตาถ่าน
8. วัสดุอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ถุงพลาสติกร้อน ถุงพลาสติกหูหิ้ว โฟมสำหรับใส่อาหาร ยางวงรัดของ และอื่นๆ

รายได้

ส้มตำราคาครกละ 20-30 บาทสำหรับรถเข็น แต่ถ้าเป็นเปิดร้านสามารถขายได้ 30-50 บาท แล้วแต่ประเภทของการตำ ไก่ย่างปีกละ 10-20 บาท หากเป็นครึ่งซีกอาจจะอยู่ที่ประมาณ 30-50 บาท

แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์

ร้านขายเครื่องครัวทั่วไป และตลาดสด

การขายและการตลาด

1. หากมีหน้าร้านให้ติดป้ายหน้าร้าน เพื่อให้คนเห็นชัด และเลือกทำเลที่ติดถนน อยู่ใกล้แหล่งชุมชน ใกล้โรงเรียน หรืออยู่ในหมู่บ้านที่ผู้คนสัญจรไปมา
2. หากเป็นร้านรถเข็น สามารถขับรถเข้าไปขายตามสถานที่ต่างๆ และต้องค่อยๆ ขับ เผื่อมีคนเรียก หรือบีบแตร และจอดเป็นจุดๆ ไป โดยเลือกจอดเฉพาะจุดที่เป็นแหล่งชุมชน
3. จัดทำเมนูราคาของประเภทส้มตำที่เรามี และหากมีเมนูอื่นเพิ่มเติมก็ต้องทำราคาด้วย เช่น ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ขนมจีน ปลาดุกย่าง ลาบ น้ำตก เป็นต้น
4. มีการเขียนเบอร์โทรศัพท์ติดไว้ที่รถหรือที่ร้าน เผื่อว่ามีคนได้ทานและติดใจต้องการโทรสั่ง เราจะได้มีลูกค้าประจำ
5. เราต้องมีการบริการที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่นินทาลูกค้าท่านอื่นให้ลูกค้าอีกท่านฟัง เพราะเราจะเสียลูกค้าทันที

กลุ่มลูกค้า

คนทั่วไปที่ชอบทานส้มตำ แม้กระทั่งเด็กนักเรียน หรือคนทำงานทั่วไป

error: Content is protected !!