วิธีขายพันธุ์ไม้ยืนต้นให้ประสบความสำเร็จ

พันธุ์ไม้ยืนต้น

 

ปัจจุบันนี้การจัดสวนในบ้าน กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงเพราะสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่นของไม้นานาพันธุ์ช่วยให้บ้านของคนในเมืองมีความรื่นรมย์ ร่มรื่น และเป็นการเพิ่มบรรยากาศของบ้านให้มีความน่าอยู่มากขึ้น โดยสมัยก่อนมักนิยมจัดสวนด้วยต้นไม้ล้มลุก หรือไม้ดอก ที่เรียกว่าสวนหย่อม หรือสวนณี่ปุน แต่ปัจจุบันนี้แนวคิดเริ่มเปลี่ยนไป นิยมความรวดเร็วปรูดปร๊าดทันใจ เรื่องต้นไม้ก็เช่นกัน หันมาสนใจพันธุ์ไม้ที่ให้ความร่มรื่น หรือให้ดอกออกผลได้ทันที ประเภทโตไวทันใจ ธุรกิจขายพันธุ์ไม้ยืนต้นจึงขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว

ในทางธุรกิจ ต้นไม้ยืนต้นขายได้กำไรดีมาก เพราะมีคุณภาพใช้งานได้ทันที แต่ถ้าเจ้าของบ้านจะเลือกวิธีปลูกตั้งแต่ต้นเล็กๆ ให้โตเองก็ต้องใช้เวลานานหลายปีทีเดียว พันธุ์ไม้ยืนต้นบางชนิดจึงมีราคาตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่น หรือบางต้นขอบอกเลยว่าถึงหลักแสนก็มี

และแน่นอนว่าการทำธุรกิจประเภทนี้คุณต้องมีความชำนาญ และต้องฝ่าฟันอุปสรรคความลำบากอยู่มาก โดยเฉพาะการเคลื่อนย้าย และสถานที่เก็บ สถานที่ปลูกแปลงเพาะชำ แต่มีข้อดีคือมีสต็อคเป็นของตัวเอง เก็บไป โตไป หรืออธิบายสั้นๆ ว่ายิ่งเก็บพันธุ์ไม้ใว้นานให้ไม้เหล่านั้นเจริญเติบโต และยิ่งโตมากขึ้นเท่าใดราคาก็เพิ่มตามอายุ ตามความสวยงามของต้นไม้ชนิดนั้นๆ ด้วย

ดังนั้นหากคุณลังเกตให้ดีจะเห็นว่าขณะนี้มีผู้ทำธุรกิจจัดสวน และขายต้นไม้อยู่มากมาย แต่ส่วนใหญ่ให้บริการครอบจักรวาล ไม่ได้เน้นความชำนาญเฉพาะต้นไม้ยืนด้นขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นจุดทำเงิน และเป็นธุรกิจที่คุณสนใจจะทำเป็นอาชีพ น่าจะลองทำออกมาให้ลูกค้านึกถึงจุดยืนพิเศษนี้ได้ก่อนใคร ว่ามั้ยครับ

ระดับของลูกค้า

ถ้าคุณมีความชำนาญเฉพาะด้านต้นไม้ยืนด้นขนาดใหญ่ เพียงอย่างเดียว คุณจะเสียเปรียบทางการค้า เพราะลูกค้ามีจะหลายระดับ ตั้งแต่ลูกค้าระด้บต้น คือ ลูกค้าที่แวะมาชื้อที่จุดขายเพื่อนำไปปลูกที่บ้าน ส่วนมากจะเป็นผลไม้ เช่น มะม่วง ชมพู่ น้อยหน่าพันธุออสเตรเลีย ฝรั่งพันธุ์ไร้เมล็ด พุทราพันธุ์อินเดีย เป็นต้น บางครั้งอาจมีต้นไม้ยืนต้นอื่นๆ ที่รักษาดูแลง่าย เช่น ตระกูลปาล์มต่างๆ มะพร้าวไม้ ดอกไม้ยืนต้น เช่น ตาเบบูย่า ตะแบก พิกุล จนถึงต้นไม้ในนวรรณคดีบางพันธุ์ เช่น จันทน์กะพ้อ สายหยุด หรือต้นไม้เนื้อ ไม้มีค่า หรือพันธุ์ไม้ที่มีรูปทรงสวยสง่า เช่น กระจง หอมหมื่นลี้ มะฮอกกานี ไทร ไผ่ดง ฯลฯ โดยลูกค้าส่วนใหญ่อาจมีความต้องการให้ส่งถึง บ้าน หรืออาจต้องการให้คนขายปลูกให้ด้วย แต่จะไม่มีภาระต่อเนื่องอย่างอื่น เช่น ออกแบบหรือดูแลสวนให้

ลูกค้าระด้บกลาง คือ ผู้รับเหมาจัดสวน ออกแบบตกแต่ง สิ่งแวดล้อม สำหรับบ้านขนาดใหญ่ใหญ่ โรงแรม หรือสถานที่สาธารณะ ลูกค้ากลุ่มนี้มักจะถือว่าตนเองเป็นผู้รู้ และขายไอเดีย แต่คุณจะเป็นผู้ผลิตและขายของตามความต้องการ คือเป็น SUPPLIERS ซึ่งควรจะบริการได้มากกว่าการขายต้นไม้ และเอาเงินมาแบบระดับต้น คือ ควรมีการบริการเสาะแสวงหาพันธุ์ไม้ต่างๆ รับขนส่งรวมถึงปลูก และดูแลชั่วระยะเวลาหนึ่ง ลูกค้าประเภทนี้มักจะซื้อครั้งละหลาย ๆ ต้น แต่ราคาแบบขายส่ง หรือขายเหมาจะไม่ค่อยไต้กำไรมากเท่าไหร่ เพราะเขาต้องเอาไปขายเอากำไรอีกต่อหนึ่ง ลูกค้าประเภทนี้ถ้ารู้จริงจะไม่จู้จี้ และเคารพความรู้ความชำนาญกัน ไว้ใจกัน แต่พวกที่รู้ครึ่งๆ กลางๆ จะกดราคา จะต่อรองจนคุณอาจเบื่อหน่าย ทั้งตัวสินค้า และเงื่อนไขในการชำระเงิน

ลูกค้าระดับโปร คือ กลุ่มลูกค้าที่มีแผนในการรับเหมาจัดสวนในโครงการขนาดค่อนข้างใหญ่ ทุกอย่างจึงทำอะไรตามหลักการ (ตาม SPEC) ถ้าคุณมีบริการตรงราคายอมรับได้ ก็แปลว่าได้งานไม่มีปัญหาจุกจิก แต่คุณต้องเป็นมือโปร คือรับผิดชอบเบ็ดเตล็ด ตั้งแต่ความต้องการทั้งด้านคุณภาพ ปริมาณ และ DEAD LINE เพราะต้องทำงานสัมพันธ์กับส่วนรับเหมาอื่น ๆ เช่น งานตกแต่งสวนสาธารณะ บ้านจัดสรรชั้นดีหรือสนามกอล์ฟ ลูกค้าประเภทนี้อาจต้องการบริการสนับสนุนไปพร้อมกันด้วยทั้งงานดิน ปุ๋ย และต้นไม้ล้มลุกอื่น ๆ ซึ่งคุณต้องแสวงหาประสบการณ์ และควรจะ SUBCONTRACT ดี หรือเพิ่มไปสู่การบริการจัดสวนแบบครอบจักรวาลด้วย

ปัญหาในการปลูก

ปัญหาก็คือคุณต้องรู้จักพันธุ์ไม้ต่างๆ ดีพอควร เช่นเดียวกับการเลี้ยงสัตว์ คือ สามารถรู้ถึงอุปนิสัยใจคอ และความต้องการของสัตว์เลี้ยงแต่ละสายพันธุ์ โรคภัยไข้เจ็บ การดูแลรักษาเมื่อยามสัตว์ป่วยไข้ ความต้องการของพืชก็เช่นเดียวกัน ปัจจัยพื้นฐานที่พืชต้องการ ได้แก่ น้ำ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง แสงแดด รวมถึง ความใส่ใจ การเอาใจใส่ดูแลอย่างสมาเสมอ นอกจากนั้นยังต้องรู้จักภูมิอากาศของต้นไม้ว่าพืชแต่ละชนิด แต่ละสายพันธุ์ เหมาะกับสภาพอากาศแบบไหน เช่น ต้นสน 2 ใบ และต้นสน 3 ใบ ซึ่งอาจต้องขึ้นในเฉพาะภาคเหนือ

ปัญหาต่อมา คือ สถานที่ต้องกว้างขวางพอสำหรับเก็บพันธุ์ไม้ต่างๆ และปัญหาเครื่องมือยก และขนส่งที่จะต้องถึงมือลูกค้าอย่างนิ่มนวล ไม่ให้กระทบกระแทกต้นไม้เกินไป เพราะมิฉะนั้นจะมีปัญหากับระบบรากซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของต้นไม้ สำหรับในการเจริญเติบโตยืนต้น

แต่คุณอาจจะเลือกตลาดแคบลงไปอีก จะไต้ทำให้คุณค่าบริการสูงขึ้น และไม่ต้องลงแรงศึกษากว้างขวางเกินไป เช่น เลือกเป็นผู้ชำนาญด้านต้นปาล์ม หรือด้านต้นไม้ในวรรณคดีไทย หรือสมุนไพร เป็นต้น ดังนั้นคุณอาจจะเข้ามาทำธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นด้วยตามแรงกำลัง และความสามารถ (รวมไปถึงกำลังเงินและ กำลังคน) ตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้พลาดในธุรกิจไม้ยืนต้นนี้ และเพื่อเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับตนเองไต้ง่ายขึ้น

error: Content is protected !!