ข้อดีของการทำธุรกิจขายตรง
การทำธุรกิจขายตรงมีความเสี่ยงต่ำ
ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไรก็ตาม ย่อมจะมีความเสี่ยงด้วยกันทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ว่า คุณเองเป็นพนักงานประจำของบริษัทเล็กๆ สักแห่ง ที่คุณมั่นใจว่า ความเสียงน้อยกว่า 0% แต่ใครจะรู้ว่า วันใดวันหนึ่ง บริษัทของคุณอาจจะต้องปิดตัวลง ด้วยสาเหตุเพราะพิษเศรษฐกิจตกตํ่า ก็เป็นได้ หรือแม้แต่การเป็นนักธุรกิจขายตรงก็ตาม ย่อมมีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน แต่คุณรู้หรือไม่ว่าความเสี่ยงที่พวกนักธุรกิจขายตรงเหล่านี้จะได้เจอ มีน้อยมาก เรียกได้ว่าตํ่ากว่าความเสี่ยงในการประกอบอาชีพอื่นๆ หลายเท่านัก
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า หากใครจะลงมือสร้างธุรกิจของตัวเอง ขึ้นมาสักอย่างหนึ่งแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือต้องลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก ทั้งในส่วนของสถานที่ตั้ง ต้นทุนการผลิต เงินเดือนพนักงาน การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ยิ่งใช้เงินลงทุนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมี ความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น เพราะเป็นไปได้ว่า หากธุรกิจของคุณไม่สร้างผลกำไร ก็จะทำให้เกิดภาวะขาดทุน และนำไปสู่การปิดตัวได้ในเวลาต่อมา แต่สำหรับการท่าธุรกิจขายตรง ปัญหาต่างๆ เหล่านี้จะหมดไป คุณไม่ต้องกังวลใจ เพราะแรกเริ่มหากคุณได้เลือกบริษัทที่คุณจะร่วมงาน ด้วยเป็นอย่างดีแล้ว คุณสามารถตรวจสอบประวัติรวมถึงรายได้และ ผลตอบแทนของบริษัทนั้นๆ จนคุณแน่ใจเกิน 100% ก่อน แล้วคุณค่อย เข้าไปร่วมท่าธุรกิจด้วย
นอกจากนี้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจขายตรง จะมีระบบที่ช่วยเหลือ เกื้อกูลนักธุรกิจขายตรงของตัวเองพอสมควร ความเสี่ยงที่คุณจะได้รับ กลับมาจึงตํ่ามากๆ หรือแทบจะไม่มีเลย
ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร
ปัญหาที่พนักงานกินเงินเดือนเบื่อหน่ายก็คือ การต้องรับคำสั่งจากเจ้านายหรือหัวหน้าทุกๆ วัน ให้ท่างานนั้นงานนี้ งานโน้นก็ด่วน งานนั้นก็เร่ง รวมถึงคำสั่งบางคำสั่งก็ไร้เหตุผล ท่าเหมือนกับว่าจะบีบให้คุณอยากลาออกจากงานชะอย่างนั้น แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อคุณเป็น ลูกน้อง ก็จำเป็นจะต้องฟังคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาหรือ หัวหน้าในสายงาน เพราะถ้าไม่ปฏิบัติตาม คุณก็จบ
แต่สำหรับการเป็นนักธุรกิจขายตรง คุณเองนั่นแหละคือเจ้านาย ตัวเอง คนที่จะสั่งให้คุณทำอะไรก็คือตัวคุณเอง ถึงแม้ว่าคุณอาจจะมีสปอนเซอร์หรืออัพไลน์ ซึ่งหลายคนในฐานะดาวน์ไลน์เข้าใจว่าเขาคือ เจ้านายของคุณ นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะสปอนเซอร์หรืออัพไลน์ จะเป็นผู้ให้คำแนะนำ ให้การสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือดาวน์ไลน์อย่างคุณ หาใช่เจ้านายผู้ที่คุณต้องคอยรับคำสั่ง หรือทำตามคำสั่งของเขาไม่ ส่วนตัวคุณเองหากคุณเป็นอัพไลน์ของใคร ก็อย่าเข้าใจไปว่าคุณ เป็นเจ้านายและมีลูกน้องคือดาวนไลน์ หากจงทำตัวเป็นผู้ช่วยเหลือ แนะนำ และสนับสนุนกันในทางธุรกิจ หรือเป็นเหมือนเพื่อน ร่วมมือกันพัฒนา และสร้างอาณาจักรธุรกิจขายตรงในเครือข่ายของตนเองกันดีกว่า
บริหารเวลาได้ด้วยตัวเอง
สิ่งที่มนุษย์ทำงานจำนวนมากในโลกใบนี้บอกว่ามีน้อย เหลือเกินก็คือ เวลา แต่สาระสำคัญที่เขาบอกว่าเวลาไม่มี ก็เพราะว่าเขาไม่รู้จักบริหารเวลาที่มี 24 ชั่วโมง ของตัวเองมากกว่า
บางคนทำงานวันละ 18 ชั่วโมง อีก 4 ชั่วโมงสำหร้บการนอนพัก และอีก 2 ชั่วโมงสำหรับการเดินทาง ไม่หลงเหลือเวลาไว้สำหร้ปตัวเองและครอบครัว ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่สร้างปัญหาให้กับตัวเอง และเป็นการสร้างความร้าวฉานให้กับครอบครัวได้ง่ายและเร็วที่สุด
ในการเป็นนักธุรกิจขายตรง จะเรียกว่าเป็นอาชีพที่มีอิสระในการทำงานก็ได้ เพราะคุณสามารถบริหารเวลาทุกนาทีของตัวเองได้ด้วยตนเอง ใน 1 สัปดาห์ คุณอาจจะใช้เวลาในการทำธุรกิจขายตรงของคุณสักชั่วโมง แล้วเวลาที่เหลือล่ะ คุณจะเอาไปทำอะไรดี
แน่นอนว่า ยังเหลือเวลาอีกหลายสิบชั่วโมงให้คุณได้ใช้เพื่อตนเอง และครอบครัว คุณอาจจะไปเรียนเพิ่มเติม คุณอาจจะใชํแวลาในการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพ หรือคุณจะใชํเวลาอยู่กับครอบครัว ก็ทำได้อย่างแน่นอน การทำธุรกิจขายตรงทำให้เวลาทั้งชีวิตเป็นของคุณ คุณบริหาร มันได้ด้วยตัวเอง และคุณจะใซให้มันเกิดประโยชน์ต่อตัวเองและธุรกิจ ของคุณได้อย่างไร คุณก็เต็มที่กับเวลาของคุณได้เลย
หารายได้มากเท่าที่คุณต้องการ
เป็นไปได้ยากที่พนักงานประจำที่ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนเท่าๆ กันทุกเดือน จะทำรายได้เพิ่มมากเท่าที่คุณต้องการ บางเดือนคุณอาจจะมีรายจ่ายจำนวนมาก แต่รายได้ของคุณยังเท่าเดิม คุณก็จำเป็นจะต้องไปหาเงินจากแหล่งเงินกู้อื่นมาชดเชย อีกทั้งบางคนยังคิดว่า ตัวเองมีความสามารถระดับ A แต่ทำไมค่าตอบแทนที่ได้รับกลับอยู่แค่ B หรือ B-
พนักงานกินเงินเดือนหลายคนเบื่อหน่ายกับรายได้ที่น้อยนิด ไม่เพียงพอกับรายจ่ายที่มี บางคนจึงเลือกที่จะลาออกจากงานประจำมา ทำธุรกิจของตัวเอง แต่อย่าลืมว่าการทำธุรกิจด้วยตัวเองก็ต้องพบเจอกับความเสี่ยงมากมาย ยิ่งเงินลงทุนมากก็ยิ่งเสี่ยงมาก แต่หากคุณเป็นนักธุรกิจขายตรง คุณสามารถกำหนดรายได้ของตัวเองได้ และจะมากเท่าที่คุณต้องการจะให้เป็นตราบเท่าที่คุณลงมือทำ และทำได้มากเท่าที่ตั้งเป้าหมายไว้
จุดสำคัญมันอยู่ที่ว่า คุณเองได้สร้างเครือข่ายของคุณเองได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแผนการทางการตลาดที่คุณได้วางไว้ คุณอาจจะจัดประชุมเชิญชวนคนใหม่ๆ ให้เข้ามาร่วมกับธุรกิจของคุณ จากนั้นก็โน้มน้าวใจให้เขามาเป็นดาวน์ไลน์ฃองคุณ
คุณเองในฐานะอัพไลน์หรือผู้เป็นสปอนเซอร์ก็คอยสนับสนุน และแนะนำนักธุรกิจขายตรงรายใหม่ๆ ให้เขาสามารถสร้างยอดขายได้มากๆ รวมถึงให้เขาสร้างเครือข่ายของเขาเองขยายออกไป และยิ่งยอดขายมากขึ้นเท่าไหร่ เครือข่ายกว้างขึ้นเท่าไหร่ รายได้ที่เข้ามาหาคุณก็จะมากขึ้นเท่านั้น มันขึ้นอยู่กับความขยันและความตั้งใจจริงของนักธุรกิจขายตรงแต่ละคนนั่นเอง
สร้างธุรกิจของตัวเองได้
การเริ่มต้นสร้างธุรกิจของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเล็กแค่หลักแสนหรือหลักล้านต้นๆ หรือจะเป็นธุรกิจหลักสิบหรือร้อยล้าน ก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน ต่างกันตรงที่เสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย ขึ้นอยู่กับว่าคุณลงทุนไปมากแค่ไหน และก่อนลงทุนมีการศึกษาข้อดีหรือผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับมากน้อยลึกซึ้งแค่ไหน
ในการทำธุรกิจขายตรงก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะมีความเสียงตํ่า กว่าการทำธุรกิจอื่นๆ แต่ว่าหากคุณไม่มีการคืกษาข้อมูลของบริษัทที่คุณจะไปเข้าร่วมทำธุรกิจขายตรงด้วยให้ดีเสียก่อน ไม่ตรวจสอบความมั่นคงของบริษัท คุณภาพของผลิตภัณฑ์ แผนการตลาด รายได้ กำไร หรือข้อมูลสำคัญอื่นๆ คุณเองก็มีความเสี่ยงไม่ต่างจากการทำธุรกิจอื่นๆ เช่นเดียวกัน
สี่งสำคัญที่นักธุรกิจขายตรงจะต้องทำก่อนเริ่มต้นสร้างธุรกิจของตัวเองก็คือ การตรวจสอบบริษัทที่จะร่วมทำธุรกิจด้วยนั่นเอง หลังจากที่ตกลงใจที่จะเลือกธุรกิจใดแล้ว ก็ลงไปลุยอย่างเต็มที่ เพราะถึงแม้ว่าคุณ จะไม่ได้สร้างผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นขึ้นมาเอง แต่สำหรับคุณในฐานะที่เป็นนักธุรกิจขายตรง คุณเองสามารถสร้างเครือข่ายของตัวเองขึ้นมาได้ เทียบได้ว่าคุณสามารถสร้างธุรกิจของตัวเองได้เอง
การสร้างเครือข่ายธุรกิจในธุรกิจขายตรงเป็นลิงสำคัญและจำเป็นมากๆ เพราะนอกจากจะเป็นการเปิดตลาดธุรกิจที่ทำอยู่ให้กว้างขวางออกไปได้มากแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้ให้เกิดมากยิ่งๆ ขึ้นไป เพราะเมื่อเครือข่ายมาก มีการสั่งชื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์มาก รายได้ก็จะมากขึ้นไปด้วย และคุณในฐานะสปอนเซอร์หรืออัพไลน์ของพวกเขา เปอร์เซ็นต์จากยอดขาย เปรียบดังกับเจ้าของธุรกิจนั่นเอง
มีความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจสูง
คงจะยากที่จะหาธุรกิจที่คนดำเนินธุรกิจสามารถนอนตื่นสาย หรือทำงานเพียงแค่วันละ 5 ข้วโมง หรือให้คนในครอบครัวมาร่วมทำธุรกิจด้วย หรือแม้แต่อยากจะหยุดงานไปเที่ยวสัก 2 สัปดาห์ โดยที่ธุรกิจไม่เกิดความเสียหาย หากคุณทำงานประจำเป็นมนุษย์เงินเดือน เข้างาน 8 โมงเช้า เลิกงาน 5 โมงเย็น ต้องทำงานวันละ 8-9 ชั่วโมง ไม่รวมโอทีหากมีงานเร่งงานด่วน วันหยุดพักร้อนทั้งปีมีเพียง 7 วัน บางบริษัทหยุดงานไปทำธุระส่วนตัวก็ถูกหักเงินเดือน ป่วยแค่ไหนก็ต้องลากสังขารมาทำงาน เพียงเพราะไม่อยากถูกบันทึกไว้ จนทำให้ได้โบนัสปลายปีน้อยกว่าคนอื่น
และบางคนที่มีธุรกิจของตัวเอง ก็ยากที่จะปลีกตัวไปไหนได้ เพราะอย่างไรก็เป็นห่วงธุรกิจ แม้แต่จะหาเวลาไปเที่ยวพักผ่อนสัก 2-3 วันยังยาก เพราะหากปิดร้านไปหรือหยุดทำธุรกิจไป ก็จะทำให้ขาดรายได้ ทำให้วงจรของรายได้ขาดหาย อาจจะทำให้ระบบการเงินของธุรกิจเกิดช็อตขึ้นมาก็เป็นได้
แต่สำหรัมการเป็นนักธุรกิจขายตรง อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า การเป็นนักธุรกิจขายตรงก็เหมือนกับการเป็นนักธุรกิจอิสระ ที่มือิสระมากมาย เป็นเจ้านายตัวเอง สามารถหาเงินได้มากเท่าที่ต้องการ ทำให้ธุรกิจขายตรงนี้เป็นธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นสูงมาก
ระหว่างที่คุณไปพักผ่อนกับครอบครัว 2 สัปดาห์ ธุรกิจของคุณก็ยังดำเนินต่อไปด้วยตัวของมันเอง โดยดาวน์ไลน์หลายๆ คนของคุณที่คุณได้ให้การสนับสนุนเขาก็ดำเนินธุรกิจต่อไป เปอร์เซ็นต์จากยอดขายของเขาก็จะล่งมายังคุณซึ่งเป็นอัพไลน์ของเขา โดยที่คุณพักผ่อนได้อย่างสบายใจ และมีรายได้เช้ามาอย่าต่อเนื่องไม่ชะงักงันอีกด้วย
สามารถเกษียณอายุได้ตามต้องการ
การทำงานโดยทั่วไปของคนเรา หากเป็นพนักงานบริษัทหรืองานธนาคาร อาจจะเกษียณอายุการทำงานประมาณอายุ 55 ปี ส่วนงานข้าราชการอาจจะเกษียณตอนอายุ 60 ปี บางคนอาจจะเกษียณก่อนกำหนดสัก 3-4 ปี แต่โดยรวมแล้ว คนเหล่านี้ก็ต้องทำงานหนักเกือบ 40 ปี เพื่อหารายได้ให้กับตัวเองและครอบครัว บางคนมีความคิดว่า ตอนที่มีแรงมีกำลังในการทำงานก็ทำให้เต็มที่ไป พอเกษียณจะได้สบาย ไปเที่ยวหรือทำอะไรตามที่ตัวเองต้องการ แต่ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าที่บางคนอาจจะเสียชีวิตก่อนที่จะได้ใช้เงิน หรือได้มีชีวิตที่สะดวกสบาย บางคนก็เป็นโรครุมเร้า เพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ ผสมกับการทำงานหนักและเผชิญหน้ากับภาวะความเครียดจากการทำงานมาตลอดชีวิต บางคนที่คิดว่าพอเกษียณจะไปท่องเที่ยวตามที่อยากไป แต่สังขารกลับไม่เอื้ออำนวย สุดท้ายก็เลยต้องอยู่บ้านอย่างเดียว
แต่สำหรับนักธุรกิจขายตรง คุณอาจจะเกษียณตัวเองตอนอายุ 45 ปี คุณหยุดการทำงาน แต่รายได้ของคุณไม่ได้หยุดไปด้วย รายได้ของคุณยังคงดำเนินต่อไปให้แก่ตัวคุณ
สิทธิประโยชน์มากมาย
หลายคนที่ยังไม่ได้เข้ามาสัมผัสกับธุรกิจขายตรงอย่างเต็มตัว อาจจะมองไม่เห็นผลประโยชน์อื่นที่จะได้รับ นอกจากรายได้จากยอดขายและเปอร์เซ็นต์ยอดขายของ ดาวน์ไลน์ในเครือข่ายของตน
จริงๆ แล้วเป็นนักธุรกิจขายตรงนั้น มีสิทธิประโยชน์ที่ได้รับมากมาย ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว หากพูดถึงในระยะสั้น สิ่งที่นักธุรกิจขายตรงได้รับก็คือ รายได้จากการดำเนินธุรกิจของตนเอง รวมถึงเปอร์เซ็นต์จากยอดขายของดาวน์ไลน์ในสายของตนด้วย
และเมื่อทำยอดขายได้สูงติดต่อกัน ก็จะได้เลื่อนตำแหน่งของการเป็นนักธุรกิจขายตรงไปเรื่อยๆ อย่างเช่น นักธุรกิจขายตรงหรือนักธุรกิจอิสระของบริษัทขายตรงแห่งหนึ่ง เมื่อนักธุรกิจทำยอดขายได้สูงติดต่อกัน ก็จะมีการเลื่อนตำแหน่งไปเรื่อยๆ ไปจนถึงระดับเพชร ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุด มีรายได้ต่อเดือนหลักล้าน เป็นที่ใฝ่ฝันของนักธุรกิจขายตรงทั้งหลาย แต่การจะไปถึงจุดนั้นได้ ก็ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและพยายามอยู่ไม่น้อยทีเดียว
นอกจากนี้สิ่งที่จูงใจให้หลายคนเดินเข้ามาสู่เส้นทางสายนี้ก็คือ การท่องเที่ยวฟรีตลอดรายการเมื่อทำยอดขายได้ดีติดต่อกัน และอยู่ในระดับที่ควรจะได้รับสิ่งตอบแทนเป็นการท่องเที่ยว
บริษัทขายตรงมีชื่อแห่งหนึ่ง จัดทริปพานักธุรกิจของบริษัทตนที่ ทำยอดขายได้ดีไปเที่ยวเกาหลี ส่วนอีกทริปเป็นทริปในฝันของนักธุรกิจของบริษัทนี้ ก็คือการส่องเรือในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 7 วัน ฟรีตลอดรายการ ทั้งกินและเที่ยว เห็นรายการพิเศษอันเป็นสิทธิประโยชน์แบบนี้ เชื่อแน่ว่าทำให้พนักงานกินเงินเดือนประจำหลายคน ยอมเปลี่ยนตัวเองมาเป็นนักธุรกิจขายตรงกันเป็นจำนวนมาก
แต่อย่าลืมว่าไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายๆ หรือได้มาฟรีๆ กว่าจะประสบความสำเร็จทั้งด้านตำแหน่งหน้าที่การงาน และรายได้ ก็จะต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ความมุ่งมั่น และความพยายามอย่างแท้จริง
ทำธุรกิจขายตรงแล้วรวยจริงหรือ
และคำถามยอดนิยมที่ยังคงถามต่อกันไปอีกเรื่อยๆ คือ ทำธุรกิจขายตรงแล้วรวยจริงหรือ วันนี้ผมมีคำตอบครับ
มีคนสงสัยมาว่า ทำธุรกิจขายตรงรวยจริงๆ เหรอครับ มีใครทำได้บ้าง ทำงาน 2-3 ปีสามารถเกษียณได้ มีเงินเดือนละล้าน คนรอบตัวผม คนที่ผมรู้จักที่ทำธุรกิจขายตรงยังไม่เห็นมีใครซื้อรถสปอร์ตเลย คนที่ทำก็เลิกทำไปตั้งหลายคน ยังไม่เห็นมีใครได้อย่างที่ว่าเลย ผมไม่รู้นะผมไม่ได้ต่อต้านธุรกิจขายตรงนะครับ แต่ผมว่าทำงาน 2-3 ปีเกษียณอายุได้ มีเงินใช้เดือนละล้าน มันจะเว่อร์ไปหล่ะ
เอาหล่ะครับนั่นก็เป็นคำถาม งั้นเราลองมาอ่านคำตอบกันเลยนะครับ
รวยจริง คือ ต้องรู้จริง ก่อนต้องเลือกบริษัทให้ถูก เพราะต้องเลือกบริษัทที่ มีระบบการสอนที่ดีที่สุด และยั่งยืน คือ ก่อตั้งมามากกว่า 10 ปีขึ้นไป ไม่เกี่ยวว่าจะต้องเป็นต้นสาย เพราะเป็นต้นสายแล้วบริษัทล้มก็มีมาแล้ว คนที่ทำแล้วเลิก เป็นเพราะ ความเชื่อเขามีแค่นั้น เพราะคนที่ทำแล้วสำเร็จคือคนที่มีความเชื่อที่สุด เชื่อว่าจำสำเร็จ สุดท้าย บุคคลที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่แล้วสำเร็จเพราะความอุตสาหะ ความสามารถช่วยได้แค่ 1เปอร์เซ็น เท่านั้น แค่แรงจูงใจ แค่นั้นเอง แต่สำเร็จจริง น้อยคนยากมาก ทุกอย่างเป็นไปได้แต่ต้อง ขยัน อดทนและไม่หลอกลวงคนอื่นให้มาทำธุรกิจขายตรง
ตอนแรกผมก้คิดแบบท่านที่ถามมานะ ผมไม่ชอบธุรกิจขายตรงเลยด้วยซ้ำ ผมหนีการธุรกิจขายตรงมาโดยตลอด ทุกครั้งที่มีเพื่อนชวน ผมจะไม่ยอมไปเลย เพราะกลัวเสียเงินฟรี แต่โชคดีที่ผมเป็นคนชอบเปิดโอกาสให้ตัวเอง หลังจากที่ได้ไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของบริษัทเค้าทำธุรกิจขายตรงด้วย ผมก็เลยสงสัยว่ารวยระดับเจ้าของบริษัทแล้ว จะไปทำธุรกิจขายตรงทำไมให้เสียเวลา สู้เอาเวลามาพัฒนาการตลาดบริษัทไม่ดีกว่าหรือ
แต่พอมาศึกษาแล้ว จึงได้รู้ว่าที่เราทำงานในบริษัทมันเป็น active income คือ ถ้าเราไม่ทำเราก็ไม่มีเงินเข้ามา หรือบริษัทเจ๊ง เราก็ไม่มีรายได้ แต่ธุรกิจขายตรงเป็น passive income ที่เวลาเราหยุดทำงาน หรือเวลาที่เราป่วย เรายังคงได้รับเงินเข้ามาเรื่อยๆ ความต่างมันอยู่ตรงนี้นี่เองครับ
และก็รู้ว่าเราต้องดูที่บริษัทที่ขายตรงที่มีระบบที่ดี แล้วเราต้องทำธุรกิจแบบมืออาชีพ ทำแบบจริงๆ จังๆ ไม่ทำเล่นๆ ผมเชื่อว่าทุกอาชีพ มีคนสำเร็จและก็คนล้มเหลว ที่สำคัญสิ่งที่ต้องดูไม่ใช่วิธีการทำ แต่เป็นผลลัพธ์จากธุรกิจว่าเป็นทฤษฎี หรือมันเกิดขึ้นจริงๆ ถ้าวันนี้เราทำแบบมืออาชีพ มีคนช่วยให้เราได้ผลลัพธ์ ช่วยให้คนเดินตามเราได้ผลลัพธ์จิงๆ มันก็น่าสนใจนะครับ เราต้องไม่ตัดสินใจสิ่งที่เรายังไม่รู้จริงว่ามันคืออะไร เพราะไม่แน่มันอาจจะเป็นสิ่งที่คุณตามหามันทั้งชีวิตก็ได้ ลองดูครับ ไม่เสียหาย ไม่ใช่ก็ไม่ทำ ทุกอย่างเป็นประสบการณ์ชีวิต