เทคนิคการสัมภาษณ์งานให้ได้งาน

เพื่อไม่ให้เกิดอาการคล้ายๆนักมวยเมาหมัด หรือขากรรไกรค้างเฉียบพลัน เมื่อกรรมการระดมยิงคำถามอย่างเมามัน

อย่าฟุ้งในสิ่งที่คุณไม่ได้เป็นหรือทำ
สมมุติว่า กรรมการสอบสัมภาษณ์ให้คุณบรรยายถึงลักษณะ อันโดดเด่นของตัวคุณเองละก้อ อย่าเชียวนะคะ อย่าไปนึกถึงกิจกรรมอะไรที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน เช่น บอกว่า ” ดิฉันเป็นนักกีฬามวยปล้ำตัวยง ของสมาคมนักมายปล้ำหญิงแห่งประเทศไทย” หรืออะไรทำนองนั้น หากคุณไม่ได้กำลังสมัครเป็นสมาชิกของข่ายมวยใดๆ แต่คุณควรบรรยายถึงบุคลิกภาพอันโดดเด่น เป็นประโยชน์ต่องานของคุณ อาทิเช่น “ดิฉันเป็นคนสนุกสนานกับการทำงาน คล่องแคล่ว เข้ากับผู้ร่วมงานได้ดี และปรับตัวได้ง่าย” อะไรทำนองนี้ดีกว่าค่ะ

วางตัวดีๆสำคัญที่สุด
หลายครั้งที่กรรมการ ต้องการทดสอบว่าคุณเป็นคนคุยโวโอ้อวดเพียงใด เขาอาจบอกให้คุณจัดระดับความสามารถของตัวเอง ว่าอยู่ในระดับใดของท็อปเทน แน่นอนค่ะ แม้ว่าคุณอยากจะโม้เสียเต็มประดาว่าความสามารถของฉันน่ะ มันหลุดสเกลไปแล้ว แต่ต่อหน้ากรรมการ คุณจำเป็นจะต้องเจี๋ยมเจี้ยม เพื่อกรรมการจะได้ไม่คิดว่าคุณขี้โม้ ทางที่ดี ควรแสดงให้กรรมการเห็นว่า คุณเป็นผู้มีความพยายามและมาดมั่น บอกกรรมการไปเลยค่ะว่า คุณจะทำงานให้ดีที่สุด เป้าหมายของคุณคือต้องการพัฒนาความสามารถของคุณให้เป็นที่หนึ่งโดยเร็ว และนำเอาความสามารถนี้มาใช้ในการทำงาน ท่องไว้ในใจค่ะว่า ความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นคุณสมบัติที่ดีประการหนึ่ง ที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องเดินแตะฝุ่นอีก

อย่าลืมพกความตั้งใจและมั่นใจเกินร้อยมาด้วย
กรรมการสอบสัมภาษณ์บางคน ตีหน้าตายเพื่อหลอกล่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ตายใจ แถมพกมาด้วยคำถามซื่อๆแต่กินใจว่า นอกจากสมัครที่นี่แล้ว คุณยังไปสมัครที่อื่นด้วยหรือเปล่า? ไม่ต้องตกใจค่ะ หากคุณสมัครที่อื่นด้วย ก็ตอบกรรมการไปตามจริงเถอะค่ะ เพราะในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ คงไม่มีกรรมการคนไหนเชื่อหรอกว่าคุณจะไม่หว่านใบสมัครไปที่ไหนเลย แล้วด้วยไหวพริบปฏิภาณอันชาญฉลาดของคุณ ให้คุณบอกกรรมการถึงความตั้งใจในการมาสมัครงานที่นี่ และบรรยายสรรพคุณว่าตัวเองจะทำประโยชน์อะไรให้แก่บริษัทได้บ้าง หากตำแหน่งใหม่ที่คุณจะไปสมัคร เป็นตำแหน่งที่คุณเคยมีประสบการณ์มาก่อน ก็เป็นทีที่อ้อยจะเข้าปากช้างแล้วละค่ะ บอกไปเลยว่าคุณเคยทำตำแหน่งนั้นๆมาก่อน ทักษะต่างๆที่คุณมีติดตัวสามารถช่วยให้งานของบริษัทลุล่วงไปได้ด้วยดี และสำหรับตัวคุณเอง ก็จะพัฒนาตัวเองให้มีความก้าวหน้าไปพร้อมๆกับงาน อีกสัก 3-5 ปี บริษัทคงรู้จักคุณมากขึ้น และคุณก็จะมองเห็นหนทางในการพัฒนาทั้งตัวเอง และงานมากขึ้น

เคล็ดลับสำหรับคุณแม่บ้านที่อยากกลับเข้าทำงาน
ถึงตรงนี้ สาวๆหลายคนคงโล่งใจไปได้บ้างนะคะ แต่แหม ! หากคุณเป็นคุณแม่ลูกติดที่ยังไฟแรง และสามีเพิ่งจะปล่อยออกจากบ้าน หลังจากให้คุณดูแลลูกมานานพอสมควร การกลับเข้าทำงาน และต้องผ่านกระบวนการสัมภาษณ์อีกครั้ง คงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยใช่ไหมคะ? แน่นอนค่ะ เมื่อคุณก้าวเข้าห้องสัมภาษณ์ และพบกรรมการนั่งเรียงหน้ากันสลอน คล้ายๆจะพร้อมใจกันจับผิด ให้ใจคุณตุ้มๆต่อมๆ ว่านี่มันนรกชังหรือสวรรค์แกล้งกันแน่ จริงค่ะ การที่คุณห่างหายจากวงการไปนาน ย่อมเป็นที่ข้องใจของกรรมการเป็นธรรมดา กรรมการอาจอยากรู้อยากเห็น ว่าคุณคิดอย่างไรถึงกลับมาทำงานอีก และจะมีปัญหาในการต้องกลับไปดูแลลูกหรือไม่? เจอแบบนี้ หวังว่าคุณคงจะไม่ตื่นตระหนกตกใจว่า ตายแล้ว! เขารู้แล้วเหรอว่าเราไม่ใช่สาวโสด ….. ตั้งสติให้ดีค่ะ แล้วตอบไปเลยว่า คุณรออย่างใจจดใจจ่อที่จะกลับเข้ามาทำงาน และคุณเชื่อว่าความกระตือรือร้นในการกลับมาครั้งใหม่นี้ จะทำให้คุณตั้งใจทำงานได้มากกว่าคนอื่น ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์เช่นคุณ (เพราะคุณเก็บกด)

คราวนี้ ไม่ว่าปากแบบไหน ก็ชนะใจกรรมการได้ แม้ว่ากรรมการจะวางมาดเข้มเพียงใด ก็คงต้องยอมจำนนกับความมั่นใจอันไร้ขอบเขตของคุณ และใจอ่อน (หลวมตัว) รับคุณเข้าทำงานโดยที่คุณไม่ต้องพึ่งหลวงพ่อวัดใดๆ ให้ท่านรำคาญใจเล่น ตน..จึงเป็นที่พึ่งแห่งตน จริงๆนะ …….. จะบอกให้

error: Content is protected !!