มีเป้าหมายอย่างเดียวไม่พอ เดินหมากชีวิต ต้องเดินอย่างมีแผน มีการวางแผนชีวิตและอาชีพเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ เพราะวางแผนดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
บางครั้งการใช้ชีวิตอาจต้องมีการวางแผนกันบ้าง เพื่อที่จะเป็นจุดมุ่งหมายพาเราก้าวสู่เส้นทางที่หวังไว้ได้ง่ายขึ้น สำหรับผมแล้ว ผมมองว่าเส้นทางสู่ความสำเร็จของคนเราไม่ได้อยู่ไกลตัวเลย แต่ที่เรามองเห็นว่ามันทอดยาวไกลนั่นเพราะเรากำลังอ่อนแอต่ออุปสรรคที่ขวางกั้น แท้จริง เมื่อนึกดูแล้ว อุปสรรคเหล่านั้นถือเป็นบันไดหลากหลายขั้นที่มีแต่จะนำพาเราก้าวยืนสู่ขั้นที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ และกว่าที่จะไปถึงปลายทางได้ เราอาจต้องก้าวเหยียบบนอุปสรรคในแต่ละด่านก่อน แล้วจากนั้นการก้าวผ่านในแต่ละด่านจะฉุดรั้งมือเราให้ขึ้นไปเหยียบยืนในขั้นที่สูงขึ้นตามลำดับ
แต่ทั้งนี้โลกแห่งความเป็นจริงที่ไม่ได้มีใครพบเจอความโชคดีได้ตลอดรอดฝั่ง บางครั้งเราจึงต้องพลัดหล่นลงมาเจ็บตัวบ้าง ดังนั้น เราจึงต้องมีอาวุธในมือซึ่งถือเปรียบเสมือนเคล็ดลับการเดินทางอย่างมีแบบแผน เรียกว่าเป็นการวางแผนอย่างชาญฉลาดและมีสติ เมื่อเราวางแผนในแต่ละด่านที่เดินได้อย่างแยบยล เป้าหมายของเราจะชัดเจนยิ่งขึ้น เราจะมองเห็นว่าอุปสรรคมันแค่เป็นกำแพงขวางกั้น ถ้าลองเราได้ทุบกำแพงหรือปีนป่ายกำแพงตรงนี้ไป ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ว่าหลังกำแพงนั้นจะเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จที่เปิดต้อนรับเราให้ก้าวเดินอย่างราบรื่นอีกครั้ง
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบการวางแผน แม้จะเป็นการได้วางแผนการใช้ชีวิตประจำวัน แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกสนุกที่ได้ตั้งเป้าหมายและสามารถทำตามแต่ละแผนการอย่างสำเร็จได้ แต่แผนที่วางไว้นั้นต้องไม่เป็นเรื่องที่ยากเกินไป อาจจะเริ่มต้นด้วยเรื่องเล็กๆ ไปก่อนแล้วจากนั้นค่อยไล่ลำดับให้เป็นเรื่องยากขึ้น
เชื่อไหมว่า ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองได้รับความกดดันที่ต้องตั้งเป้าหมายเอาไว้เพื่อให้ตัวเองทำตาม แต่การเดินตามเกมที่ตัวเองวางไว้เหล่านั้น มันกลับทำให้ชีวิตพบความมีระเบียบ พบว่าชีวิตของเราจากที่เคยพบเจอแต่เรื่องยากๆ เดี๋ยวนี้กลับกลายมาเป็นเรื่องง่ายไปเสียทุกเรื่อง
เวลาที่เราเจอปมเชือกที่ไม่สามารถแก้ไขออกได้ เราย่อมหงุดหงิดใจจริงไหม ผมเองก็เช่นเดียวกัน ตอนที่ตัวเองมีความฝันและอยากทำความฝันนั้นให้สำเร็จดั่งใจ ก็มักจะตั้งเป้าเอาไว้สูงว่าผมจะต้องทำให้ได้ แต่เมื่อพอลงมือเอาเข้าจริงแล้ว ผมกลับกลายเป็นนักเดินทางที่มักพาตัวเองเดินหลงทางอยู่เสมอ เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะผมมีแต่ปลายทางที่รอให้ก้าวไปถึง แต่กลับไม่เคยรู้ว่าการจะก้าวไปถึงอย่างง่ายดายโดยปราศจากอุปสรรคหรือเจออุปสรรคน้อยที่สุดนั้น จะทำได้อย่างไร เมื่อได้แต่มุ่งหวังว่าอยากจะทำแต่เพียงอย่างเดียว
ความอยากโดยไร้การวางแผนนี่แหละ ที่ทำให้ผมมุ่งมั่นตั้งตาทำอย่างไร้ทิศทาง จนกระทั่งเวลาผ่านหลายวัน สุดท้ายก็พบว่าการลงมือทำของผมไม่เป็นผลสำเร็จ ยิ่งทำยิ่งเจอเรื่องยากๆ ยิ่งเจอความยากก็ยิ่งไม่อยากแก้ เพราะแก้อย่างไรก็เต็มไปด้วยเรื่องให้น่าปวดหัว มันคล้ายกับการนั่งแกะปมเชือกนั่นเอง แต่ปมเชือกของผมมันยิ่งกลายเป็นปมใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะยิ่งใจร้อนอยากแก้อยากทำ แต่ทำอย่างไร้การวางแผน ไม่มีการไล่เรียงตามลำดับยากง่ายก่อน สุดท้ายก็เกิดความเหนื่อยใจท้อแท้ใจในที่สุด
จนกระทั่งวันหนึ่งผมคิดได้ว่า จะเริ่มต้นใหม่ โดยการวางแผนในสิ่งที่อยากทำในแต่ละวัน สมมติวันนี้ตั้งเป้าหมายอยากทำงานให้สำเร็จ ผมก็จะมานั่งจดว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้างเอาตั้งแต่เริ่มตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอนเลย ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการปรับจูนเข็มทิศที่เคยเขวให้หันกลับมาสู่เป้าหมายที่กระจ่างชัดดังเดิม
ผมเชื่อว่าการใช้ชีวิตอย่างมีแบบแผน จะสอนให้เรารู้จักขั้นตอนและระบบระเบียบในการใช้ชีวิตมากขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องยากหรือใหญ่แค่ไหน หากเรามีแผนรับมือแล้ว เราสามารถก้าวข้ามขั้นตอนหรือด่านยากในชีวิตได้อย่างแน่นอน
อาวุธลับของการเดินทางสู่ความสำเร็จแท้จริง ไม่ได้มีอะไรมากมายเลย มันก็เป็นเพียงแค่ การที่เราวางแผนให้เป็นก็เท่านั้น