วิธีการขายผลไม้รถเข็นให้ประสบความสำเร็จ

วิธีการขายผลไม้รถเข็นให้ประสบความสำเร็จ
 

ต้องเรียกว่าเป็นความโชคดีของคนไทยที่ประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นแหล่งผลิตพืชพันธุ์ และผลไม้ต่างๆ ได้ตลอดทั้งปี จนทำให้ประเทศไทยได้เปรียบในเรื่องการส่งออกสินค้าเกษตรกรรมมากกว่าประเทศอื่นๆ ในแถบเอเซีย และด้วยความได้เปรียบนี้เองจึงทำให้เกิดอาชีพขายผลไม้รถเข็นขึ้น ซึ่งสามารถสร้างรายได้อย่างงามให้กับผู้ประกอบอาชีพ

ซึ่งในปัจจุบันนี้ ในทุกตรอกซอกซอยของสถานที่ๆ เราอาศัยอยู่ น่าจะเคยได้ยินเสียงกระดิ่งสั่นดังแกร๊งๆ และเมื่อเราโผล่ออกไปจะพบคนเข็นรถขายผลไม้นานาชนิด เช่น ฝรั่ง มะม่วง มันแกว ชมพู สัปปะรด แตงโม รวมไปถึงผลไม้ตามฤดูกาลอย่างเช่น แก้วมังกร นั่นแหละครับคืออาชีพที่ผมกล่าวถึง

อาชีพขายผลไม้รถเข็นนี้เป็นอาชีพที่จะเรียกว่าทำง่ายก็ง่าย จะทำยากก็ยาก เพราะเนื่องจากว่าผู้ขายต้องมีความอดทน และขยันขันแข็งมากกว่าอาชีพอื่นทั่วๆ ไป โดยจะต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปตลาดผลไม้ ต้องคัดเลือกผลไม้ว่าผลไม้ชนิดใดกำลังอยู่ในฤดูกาล และเป็นที่ต้องการ หรือผลไม้ชนิดใดที่คนนิยม แต่ไม่ค่อยมีขาย โดยคนขายเองก็ต้องคิดคำนวณให้ดี มิฉะนั้นจะทำให้ซื้อผลไม้มามากเกินความต้องการขาย และอาจทำให้เหลือทิ้ง ซึ่งนั่นหมายความว่าขาดทุนนั่นเอง

การเลือกผลไม้ก็เช่นกันผู้ขายต้องเลือกผลไม้ให้อยู่ในระดับที่พอดีๆ ไม่ดิบหรือสุกจนเกินไป หากผลไม้ใดที่มีระยะเวลาในการเก็บ ก็ต้องคำนวณว่าควรเก็บไม่เกินเท่าใดจึงจะเหมาะสม และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือ พริกเกลือ สิ่งนี้สำคัญขาดไม่ได้เลยทีเดียว

ซึ่งพริกเกลือ จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดที่ทำจากพริกป่นผสมเกลือป่นผสมน้ำตาลทราย ชิมดูให้ออก 3 รส คือ เค็ม หวาน เผ็ดนิดหน่อย และชนิดทำจากน้ำตาลปี๊บผสมพริกขี้หนูสดผสมเกลือให้มี 3 รส เช่นกัน

เมื่อได้ผลไม้มาแล้วก็ต้องนำผลไม้เหล่านั้นมาจัดการทำความสะอาด ล้างปอกเปลือก หั่นเพื่อเตรียมแช่น้ำแข็งที่อยู่บนรถเข็น เตรียมถุง เตรียมไม้จิ้ม และพริกกับเกลือให้พร้อม ซึ่งวิธีการปอกผลไม้ ควรปอกให้น่ารับประทาน อีกทั้งการจัดตู้ผลไม้ ควรสะอาด สวยงาม จะทำให้ลูกค้าอยากซื้อมากขึ้น

ก่อนที่จะดำเนินการออกขาย โดยส่วนใหญ่หากผู้ขายเตรียมตัวตั้งแต่เช้ากว่าจะได้ขายก็ประมาณบ่ายๆ ขึ้นไปจึงเป็นข้อจำกัดอย่างหนึ่งของอาชีพขายผลไม้ เพราะต้องใช้เวลาเตรียมการขายนานพอสมควร แต่ในบางกรณีผู้ขายบางคนตื่นตอนกลางคืน และไปตลาดเพื่อซื้อผลไม้ และเตรียมทำไว้เพื่อขายตอนเช้า กรณีนี้ก็สามารถออกรถขายตอนเช้าได้เลย

และตลาดที่ควรไปรับผลไม้มาขาย แน่นอนว่าต้องเป็นตลาดขายส่ง ยกตัวอย่างเช่น ตลาดไท หรือตลาดโบ้เบ้ เพราะเค้าขายในราคาที่ค่อนข้างถูก ทำให้คุณมีผลกำไรที่มากขึ้น ส่วนใหญ่แล้วกำไรที่คุณควรจะมีจากการขายผลไม้น่าจะอยู่ที่ครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว

ในปัจจุบันเริ่มมีผู้ประกอบการที่เล็งเห็นความไม่สะดวกของบรรดาพ่อค้า ที่ต้องเสียเวลาไปตลาดเพื่อเลือกซื้อผลไม้ และเสียเวลาเตรียมการปอกผลไม้เพื่อขาย จึงได้ผันตัวเองขึ้นเป็นพ่อค้าคนกลางด้านผลไม้รถเข็นเสียเอง โดยตัวเองเป็นผู้จัดการหาผลไม้ และจัดการหั่นปอกเปลือกให้ทั้งหมด ผู้ขายผลไม้มีหน้าที่มาซื้อจากพ่อค้าคนกลางแล้วไปขายต่อทำกำไรอีกต่อเท่านั้น ซึ่งถือเป็นผลดีทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายพ่อค้าคนกลางสามารถหาคนที่ต้องการมาซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องหาวิธีมากนัก ส่วนผู้ขายที่รับสินผลไม้ไปขายต่อก็ไม่ต้องเสียเวลานั่งรถไปซื้อของเตรียมของอีกทั้งยังสามารถซื้อปลีกเป็นลูกๆ หรือเป็นชิ้นๆ ได้อีกด้วย

การเข็นรถเข็นไปขาย ผุ้ขายก็ต้องไปขายที่ย่านชุมชนที่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น หน้าสำนักงานต่างๆ ตลาด หน้าหมู่บ้าน ปากซอย หรือริมทางที่มีคนเดินผ่านประจำ และตามมหาวิทยาลัย หรือโรงเรียนต่างๆ

error: Content is protected !!