เรามาถึงจุดที่เรียกว่าเป็นโลกของ “ยุคของไร้พรมแดน” ไม่ว่าจะก้าวเดินไปทางไหนหากผ่านเครือข่ายออนไลน์อย่างอินเตอร์เน็ตแล้วนั้น ก็สามารถไปถึงยังจุดใดใดในโลกก็ได้อย่างรวดเร็ว การวางแผนการตลาดและการทำธุรกิจก็เช่นกันการที่ธุรกิจสามารถตอบสนองและมีผู้บริโภคได้มากกว่าจุดเดียวที่เรายืนอยู่ แต่ยังสามารถเดินทางไปยังพื้นที่อื่นไม่จะเป็นต่างประเทศ หรือต่างทวีปแล้วละก็ ย่อมนำมาซึ่งรายได้และผลประกอบที่มากมาย ซ้ำยังสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับ Brand Image ได้ดีอีกด้วย
หากย้อนกลับไปในยุคก่อนก่อนแล้วนั้นการค้าขายระหว่างประเทศนั้นนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ หรือเป็นเพียงเรื่องของระดับรัฐบาลเพียงเท่านั้นที่จะพอมีกำลังในการค้าขายแลกเปลี่ยนเช่นนั้นได้ ซึ่งแตกต่างกับปัจจุบันโดยสิ้นเชิง ที่ซึ่งหลากหลายประเทศต่างทยอยกันเปิดเขตการค้าของตนเพื่อที่จะเรียกเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติที่พร้อมทุน ระดมเงินทุนจากบ้านเมืองของตนมาลงทุนยังต่างแดนด้วยนโยบาย ของรัฐบาลประเทศต่างๆที่เชิญชวนให้ลงทุนเสียเหลือเกิน
ถึงแม้ว่าอาจจะดูเหมือนเรื่องง่ายดายนั้น แต่สิ่งที่จะต้องทำการบ้านด้วยความระมัดระวังเป็นที่สุดนั้นก็คือการที่จะสร้างฐานการผลิต การจัดสรรทรัพยากรและกำลังซื้อของประเทศคู่ค้า หรือประชากรในประเทศนั้นนั้น และสิ่งที่จะต้องทำความเข้าและวางแผนการตลาดให้รอบคอบเลยนั้น มี 3 ปัจจัยดังนี้
– ความมั่นใจในฐานข้อมูลของการเปิดพื้นที่ใหม่ ข้อมูลแทบทั้งหมดนั้นล้วนจำเป็นต่อการสร้างสรรค์สินค้า รูปแบบการนำเสนอและรวมไปถึงกฎหมายการค้าสำหรับนักลงทุนต่างชาติ หรือแม้กระทั่ง “Social Needs” หรือความต้องการพื้นฐานของสังคมนั้น และ “Social Needs” อันนี้จะเข้ามาเป็นฟันเฟืองตัวสำคัญที่จะผลักดันและเป็นแม่แบบของสินค้าหรือบริการที่จะถูกปล่อยออกต่อไป
– ประสิทธิภาพของผู้ประกอบการและความพร้อมในกำลังการผลิต คุณภาพการจัดส่งรวมไปถึงการควบคุมและรักษาคุณภาพของสินค้าหรือบริการให้คงทน และคงอยู่
– และข้อสุดท้ายก็คือ หลักการกระจายสินค้าหรือพื้นที่จะปล่อยสินค้าหรือบริการลงสู่ตลาด การวิเคราะห์นั้นย่อมมาจากการแบ่งกลุ่มของ Target Market ที่ได้ถูกวางเอาไปแล้วนั้นอาจจะเลือกวางจาก เพศ อายุ ศาสนา หรือแม้กระทั่งถิ่นที่อยู่ แต่นั้นต้องอย่าลืมคำนึงถึง “Social Needs” ของแต่ละพื้นที่เป็นสำคัญ
สำหรับประเทศผู้กำลังเร่งสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างประเทศไทย ย่อมมีพร้อมไปด้วยกำลังการลงทุนและเม็ดเงินจากสถาบันทางการเงินต่างๆและรวมไปถึงเหล่า นักลงทุนเงินถุงเงินถังที่พร้อมกระจายความเสี่ยงไปยังเหล่าประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็น ลาว พม่า หรือเวียดนามที่รัฐบาลของแต่ละประเทศพลางกวักมือเรียกเชิญชวนให้นำเงินไปปล่อยสะพัดในและกระจายสินค้าเพื่อเปิดตลาดใหม่อีกด้วย และนับว่าเป็นสัญญาณอันดีที่จะส่งให้วางตลาดแนวนี้ประสบความสำเร็จไปด้วย