ร้านตัดผม เป็นธุรกิจที่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้เร็ว และมีโอกาสเจ๊งน้อย เพราะอะไร เพราะว่าทุกท่านทั้งหญิงชายต้องใช้บริการตัดผมทุกๆ 1-2 เดือน ถ้าไม่ตัดผมก็จะยาวไปเรื่อยๆ หรือจะตัดเองก็ลำบาก จึงต้องใช้บริการร้านตัดผมทุกๆ 1-2 เดือน ดังนั้นวันนี้ ผมจะขอแนะนำลู่ทางการเปิดร้านตัดผม ให้กับผู้อ่านทุกท่านที่สนใจเปิดร้านตัดผมได้อ่าน เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจต่อไป
เรียนตัดผม
สำหรับท่านที่เป็นมือใหม่ แต่อยากเปิดร้านตัดผม ก็ต้องไปเริ่มเรียนการตัดผมที่โรงเรียนสอนตัดต่างๆ ที่ตอนนี้มีเปิดกันมากมาย ตั้งแต่เรียนแบบงบประหยัด จนกระทั่งเรียนแบบแพง ราคาค่าเรียนจะขึ้นอยู่โรงเรียนที่เราเรียนมีตั้งแต่หลักไปจนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับงบในกระเป๋าของท่าน แต่ไม่ว่าถูกหรือแพง ก็อยู่ที่ตัวท่านจะพัฒนาทักษะในการตัดผมได้มากน้อยแค่ไหน การเรียนตัดผมส่วนใหญ่จะเรียนกันไม่นานเฉลี่ยประมาณ 1 เดือน ที่เรียนบางที่ จะเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ตัดผมฟรีโดยนักเรียนใหม่ ตรงนี้ก็เป็นโอกาสในการลองฝีมือของตัวเราเองด้วย
มีเงินลงทุน
เงินลงทุนขึ้นอยู่กับว่า เราจะเปิดร้านขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ ถ้าเปิดร้านเล็ก ทำคนเดียว หรือมีพนักงานช่วย 2-3 คน ก็อาจจะใช้เงินลงทุนไม่มาก แต่ถ้าเป็นร้านขนาดกลางที่พนักงาน 10 คน หรือเป็นร้านขนาดใหญ่ ที่มีพนักงานถึง 20 คน เงินลงทุนก็จะมีมากตาม และนอกจากเงินลงทุนแล้ว เราก็ยังต้องมีเงินทุนสำรองไว้คอยหมุน ในยามที่เงินลงทุนหลักหมดด้วย
หาทำเลดี
ทำเลเป็นสิ่งสำคัญมากในการทำธุรกิจทุกชนิด ซึ่งการเปิดร้านตัดผมก็จำเป็นจะต้องหาทำเลดีๆ ที่มีคนเดินไปเดินมาพลุกพล่าน ทำเลที่ดีคือ แหล่งชุมชน เช่น หน้าโรงเรียน หน้ามหาวิทยาลัย หน้าโรงงานอุตสาหกรรม หรือจะในตลาดก็ดี แต่โดยส่วนใหญ่ทำเลเหล่านี้มักจะมีผู้เปิดร้านตัดผมให้บริการอยู่ก่อนแล้ว แต่งานร้านตัดผมแม้จะมีคู่แข่งมากก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะส่วนใหญ่จะชี้วัดกันที่คุณภาพ และความพอใจลูกค้า โดยร้านไหนที่ลูกค้าพอใจ ก็มักจะยกให้เป็นร้านประจำที่ต้องมาใช้บริการทุกครั้งที่มาตัดผม
บรรยากาศในร้านตัดผม
ร้านตัดผมที่ดูเข้าไปแล้ว มีบรรยากาศดี ถึงแม้ลูกค้าจะต้องนั่งคอยหลายสิบนาที ก็อาจจะไม่ใช่ปัญหา สิ่งแรกคือต้องติดแอร์ เพื่อให้อากาศในร้านเป็นไปแบบสบายๆ และมีโทรทัศน์เปิดให้ลูกค้าชม มีหนังสือ หรือนิตยสาร ให้ลูกค้าที่นั่งรอได้อ่าน หรือบางร้านเลือกเปิดเพลงคลอไปเบาๆ
บริการต้องดี
การบริการก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ถึงแม้ว่าพนักงานในร้านจะมีฝีมือแค่ไหน แต่ถ้าบริการไม่ดี เช่น ลัดคิวให้ลูกค้าที่มาทีหลังได้ตัดก่อน หรือลูกค้าจะตัดทรงนี้ แต่บอกลูกค้าว่าไม่เหมาะที่จะตัดทรงนี้ ให้ตัดทรงอื่น อย่างนี้เป็นต้น เจ้าของร้านและพนักงานตัดผมต้องมีอัธยาศัยในการทำงานบริการ รู้จักการพูดคุยเอาใจใส่ ลูกค้าเลือกทรงไหน อย่าไปขัดใจ หรือตัดออกมาแล้ว ไม่เป็นเหมือนที่ลูกค้าต้องการ ก็ต้องทำการแก้ตัดแต่งให้เหมือนที่ลูกค้าต้องการ ถ้าฝีมือดี บริการดี แน่นอนว่าครั้งต่อไปลูกค้าก็จะกลับมาใช้บริการที่ร้านเดิมอีก
ราคาค่าตัดผม
ราคาค่าตัดผม จะเป็นแบ่งระดับร้านตัดผมออก เช่น แถวสยาม จะตัดครั้งละประมาณ 500 บาท สำหรับทำเลทั่วไปตามหมูบ้านต่างๆ จะตัดผมผู้ชายครั้งละประมาณ 60-100 บาท หรือผู้หญิงครั้งละประมาณ 100-200 บาท จะเห็นได้ว่า ราคาจะต่างกันมาก ที่ต่างกันเป็นเพราะราคาค่าเช่าที่ และชื่อเสียงร้านตัดผมนั้นๆ ถ้าเราไปเปิดร้านตัดผมในสถานที่ที่ไม่ได้เก็บค่าเช่าแพง ผมคิดว่าค่าตัดผมชาย 60-100 บาท หรือผู้หญิงครั้งละประมาณ 100-200 บาท นั้นเหมาะสมแล้ว แต่ถ้าเราเช่าที่แพง เช่นอาจจะไปเช่าที่ในห้างสรรพสินค้า ก็อาจจะขยับราคาขึ้นมา เพื่อให้สัมพันธ์กับค่าเช่า อาจจะคิดราคาตัดผมชายครั้งละ 100-200 และตัดผมหญิงครั้งละประมาณ 200-300 บาท อย่างนี้เป็นต้น
อุปกรณ์ในร้านตัดผม
อุปกรณ์ในร้านตัดผมต้องสะอาดอยู่เสมอ ทั้งแบตตาเรี่ยนที่นอกจะต้องสะอาด และต้องไม่ชำรุด หรือบางส่วนเสียแต่ยังใช้ตัดผมได้ อย่างนี้ก็ไม่ควรนำมาใช้งาน ควรเปลี่ยนทันทีทีพบว่าบางส่วนของแบตตาเรี่ยนเริ่มเสีย หรือเสื่อมสภาพแล้ว ส่วนกรรไกรตัดผมก็ต้องให้มีความคมอยู่เสมอ ถ้าไม่คม ตัดไม่ค่อยเข้า หรือเริ่มมีสนิมขึ้น ควรเปลี่ยนทันที ส่วนหวีก็ต้องดูแลให้สะอาด ไม่ควรให้ขาหวีแตกออกมากๆ จนหวีผมไม่ค่อยไป หรือหวีมาหลายคน จนผมติดหวีจนเกินไป ส่วนมีดโกนต้องใช้ของใหม่เท่านั้น หรือเก้าอี้นั่งตัดผม ถ้าพัง หรือนั่งแล้วเริ่มเอียงซ้ายเอียงขวาควรเปลี่ยนทันที
บริการที่ต้องมีในร้าน
บริการแบบเบสิกที่ต้องมีในร้าน คือ ตัดผม สระผม ซอยผม ดัดผม ยืดผม ทำสีผม ซึ่งสำหรับผู้ชายที่มาตัดผม ก็จะตัด และสระผม อย่างเดียว ส่วนผู้หญิงที่มาตัดผม ก็จะใช้บริการหลากหลายหน่อย เช่น ตัดผม สระผม ซอยผม ดัดผม ยืดผม ทำสีผม ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงจะใช้เวลาอยู่ในร้านตัดผมนานกว่าผู้ชายเท่าตัว ซึ่งร้านเรานอกจากจะต้องมีช่างผู้ชาย ก็จะต้องมีช่างผู้หญิงไว้คอยบริการตัดผมด้วย
การทำการตลาด
การทำการตลาดเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เช่น อาจจะมีเว็บไซต์ของร้านโดยเฉพาะ ในเว็บไซต์ก็อาจจะลงข้อมูลของช่างตัดผมว่ามีใครบ้าง ประสบการณ์การตัดผมเป็นอย่างไร ตัดมาระยะเวลานานเท่าใด และลงราคาการตัดผม และการทำสีผม หรืออื่นๆ ไว้ให้หมด และใน Fanpage ของร้าน ก็ควรจะอัปเดทข้อมูลบ่อย คนจะได้ติดตามกด like หรือ share ข่าวสารต่างๆ ของร้านเรา เช่น มอบบัตรสะสมแต้มตัดครบ 10 ครั้ง ฟรี 1 ครั้ง หรือมีโปรโมชั่นครบรอบวันเปิดร้าน ลด 20% สำหรับวันนี้เท่านั้น หรือลงรูปภาพในแต่ละวันว่าในร้านเรามีคนมาตัดผมมากเพียงใด ลูกค้าเอ่ยคำประทับใจมั้ย เขียนลงไปใน post ของ Fanpage แต่ก่อนจะลงรูปลูกค้าที่มาตัดผม ควรจะขออนุญาติทุกครั้ง ไม่ควรลงเองตามใจชอบเป็นอันขาด
พนักงานตัดผมในร้าน
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราควรรับพนักงานที่ตัดผมเป็น ถ้าให้เลือกระหว่างมืออาชีพ กับมือใหม่ เราไม่ควรรับพนักงานมือใหม่ที่ตัดผมไม่คล่อง เพราะร้านเราไม่ใช่โรงเรียนสอนตัดผม ที่มีการตัดผมฟรีให้กับลูกค้าโดยช่างตัดผมมือใหม่ ยิ่งรับพนักงานตัดผมมืออาชีพยิ่งส่งผลดีต่อร้านเรา ที่มีช่างตัดผมฝีมือดีๆ ไว้คอยบริการลูกค้า หรือถ้าพนักงานขาดจริงๆ การรับพนักงานตัดผมมือใหม่ แรกๆ เราไม่ควรให้ลงมือตัดเอง แต่ให้มาเป็นลูกมือเราไปก่อน คอยเติมคอยแต่งผมให้ลูกค้า ถ้าเห็นว่าเริ่มมีฝีมือพัฒนาขึ้น ค่อยปล่อยให้ตัดผมลูกค้าเอง
อุปสรรคในการเปิดร้านตัดผม
อุปสรรคในการเปิดร้านตัดผม คือ การแข่งขันที่สูง เนื่องจากร้านตัดผมมีอยู่เกือบทุกหมู่บ้าน ทุกทำเลชุมชน สมมติถ้าเราเปิดร้านอยู่แล้วที่ตลาดแห่งหนึ่ง มีร้านตัดผมมาเปิดใหม่ในระยะ 50 เมตร ทำให้ลูกค้าแทนที่จะเข้ามาตัดร้านเราวันละ 10 คน ก็อาจจะเหลือเพียง 5 คน สิ่งเหล่านี้เจ้าของร้าน ควรหากลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อไม่ให้เสียลูกค้าประจำไป เมื่อมีร้านตัดผมใหม่ๆ มาเปิดในทำเลใกล้ๆ ร้านเรา และอุปสรรคอีกประการก็คือ ช่างฝีมือดีหายาก ช่างฝีมือดีๆ ส่วนใหญ่ถ้าเราจ้างไว้ สักพักเค้าอาจจะไปเปิดร้านของตัวเองได้ เพราะอาจจะได้มากกว่าเงินเดือนที่เราให้ ซึ่งในกรณีถ้าเค้าจะออกไปเปิดร้าน หรือจะเปลี่ยนไปเป็นพนักงานร้านอื่น เราก็ต้องเสนอค่าตอบแทนที่สุงขึ้น ที่เราสามาารถจ่ายให้ได้ ถ้าเค้าเรียกเงินเดือนเกินกว่าที่เราจะจ่ายให้ได้ เราก็ต้องปล่อยเค้าไป หาพนักงานคนใหม่แทน
การเปิดสาขาเพิ่ม
เมื่อร้านแรกที่เราตั้งอยู่ตัวแล้ว ผลกำไรโอเคแล้ว สำหรับเจ้าของร้านที่ต้องการก้าวไปข้างหน้า เพื่อผลประกอบการที่มากขึ้น เพื่อความร่ำรวยในอนาคต ก็ถึงเวลาเปิดสาขาเพิ่ม ทุกอย่างก็ทำเหมือนเปิดสาขาแรก คือมีทุน มีทำเล มีพนักงาน การเปิดร้านแรกของเราประสบความสำเร็จแล้ว เราจะมีความมั่นใจ การเปิดร้านที่สองก็ไม่น่าจะยากจนเกินไป ด้วยประการณ์จากการเปิดร้านแรก
การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจร้านตัดผม
การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจร้านตัดผมแบ่งออกเป็น
ประเภทบุคคลธรรมดา : มีลักษณะเป็นกิจการที่มีเจ้าของเป็นบุคคลธรรมดา คนเดียวหรือหลายคน หรือห้างหุ้นส่วนสามัญประเภทไม่จดทะเบียน ผู้ประกอบธุรกิจร้านตัดผมประเภทบุคคลธรรมดา ไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์
ประเภทนิติบุคคล บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล : ผู้ประกอบการธุรกิจต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ค่าธรรมเนียมจดทะเบียน
จดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วน
– ผู้เป็นหุ้นส่วนไม่เกินสามคน 1,000 บาท
– ผู้เป็นหุ้นส่วนเกิน 3 คน ชำระเพิ่มสำหรับจำนวนในที่เกินอีก คนละ 200 บาท
จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด
– จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ 500 – 25,000 บาท
– จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด 5,000 – 250,000 บาท
สถานที่ยื่นขอจดทะเบียน
– กรุงเทพ ยื่นขอจดทะเบียน ณ สำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ 1-7 และส่งจดทะเบียนธุรกิจกลาง สำนักทะเบียนธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
– ต่างจังหวัด ยื่นขอจดทะเบียน ณ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด ที่ห้างหุ้นส่วนบริษัทมีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่
สรุป
การเปิดร้านตัดผมนั้นไม่ยาก แต่การเปิดร้านตัดผมให้ประสบความสำเร็จ ได้ผลกำไรมากๆ นั้นสิเป็นสิ่งที่ยาก ที่ท้าทายผู้ประกอบการร้านตัดผมเป้นอย่างมาก ซึ่งแน่นอนการทำธุรกิจทุกชนิดนั้นมีความเสี่ยงอยู่แล้ว แต่ทำอย่างไรให้เสี่ยงน้อยที่สุด นั่นคือการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจร้านตัดผมให้มาก ดูตัวอย่างร้านตัดผมในไทยที่ประสบความสำเร็จว่าเค้าทำอย่างไร บริหารจัดการร้านอย่างไร ศึกษารายละเอียดในหลายๆ ด้านให้ทะลุปรุโปร่ง เมื่อมีทำเลดี ช่างตัดผมฝีมือดี การบริการดี อย่างนี้โอกาสประสบความสำเร็จ และต่อยอดเปิดร้านสาขาต่างๆ มีสูง ผมก็ขออวยพรให้ท่านเปิดร้านตัดผมประสบความสำเร็จ และร่ำรวยกันทุกท่านครับ