สูตรวิธีทำวุ้นสังขยา พร้อมคำแนะนำในการขายวุ้นสังขยา

สูตรวุ้นสังขยา สูตรที่ 1

ส่วนผสม

ส่วนผสมสังขยา

• ไข่ไก่เบอร์ 0 1+1/2 ฟอง
• น้ำตาลปีบ 1/2 ถ้วยตวง (110 กรัม)
• กะทิกล่อง (อร่อยดี) 125 กรัม
• ใบเตย 5 ใบ

ส่วนผสมวุ้น

• วุ้นผง 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำสะอาด 1+1/2 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
• ใบเตย 5 ใบ

วิธีการทำวุ้นสังขยา

• อันดับแรกเราจะทำสังขยากันก่อน เริ่มจากให้นำไข่ไก่ น้ำตาลปีบ กะทิ และใบเตย มาผสมใส่ลงในชามผสมใบเล็กแล้วก็ใช้มือขยำให้น้ำตาลปีบละลายเพื่อไม่ให้เป็นก้อนใหญ่ ๆ หรือถ้ามีเป็นก้อน ๆ ให้ใช้ปลายนิ้วบี้ให้ละลายให้หมด แล้วละลายน้ำตาลปีบจนไม่เป็นก้อนแล้ว ก็ทำการขยำใบเตยจนใบเตยช้ำและเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อจะช่วยลดกลิ่นคาวของไข่และทำให้สังขยาหอม
• จากนั้นเราจะกรองสังขยาด้วยกระชอนตาถี่หรือผ้าขาวบางเพื่อจะเอาใบเตย ลิ่มไข่และสิ่งสกปรกที่อาจปะปนอยู่ในน้ำตาลปีบออก จากนั้นก็พักสังขยาไว้ก่อน
• แล้วเราก็จะทำตัววุ้นกัน ให้นำผงวุ้น น้ำสะอาดและใบเตย มาใส่ลงในหม้อใบย่อม ๆ แต่กะขนาดให้หม้อใหญ่พอที่จะใส่สังขยาลงไปแล้วไม่ล้น คนผงวุ้น กับใบเตยด้วยทัพพีหรือตะกร้อมือให้ส่วนผสมนั้นเข้ากันดี
• ทำการตั้งไฟแรงแล้วนำหม้อวุ้นขึ้นตั้งไฟ ใช้ทัพพีหรือตะกร้อมือคอยคนเป็นระยะไม่ให้ผงวุ้นติดก้นหม้อ ให้ตั้งไฟไปเรื่อย ๆ จนวุ้นเดือด แรก ๆ วุ้นจะขุ่นและจะค่อย ๆ ละลายไปเรื่อย ๆ น้ำจะใสขึ้นเรื่อย ๆ
• ตอนที่ตั้งไฟจนวุ้นเดือดแรงจัด ให้ระวังจะล้นหม้อ อาจจะไม่ต้องคนตลอดเวลาแต่ให้คนเป็นระยะ คอยให้เดือดแรง ๆ สักพักจึงลดไฟลงอ่อนจากนั้นก็ให้เคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนสักพักจนได้วุ้นใสและหอมกลิ่นใบเตย แล้วใส่น้ำตาลทราย ใช้ทัพพีหรือตะกร้อมือคนเล็กน้อย เคี่ยวให้น้ำตาลทรายละลายให้หมด วุ้นจะใสและข้นขึ้นเล็กน้อย จรข้นเกือบนมข้นหวานหรือยางมะตูมอ่อน ๆ ก็ให้ตักใบเตยออก
• ต่อมาเราก็เทสังขยาที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในหม้อระวังอย่าให้ล้น จากนั้นก็เร่งไฟแรงเพื่อให้ไข่สุก ให้ใช้ทัพพีหรือตะกร้อมือคนก้นหม้อเพื่อลดภาวะสังขยาจมอยู่ก้นหม้อ ต้องระวังอย่าให้สังขยาไหม้ติดก้นหม้อ เมื่อเราทำไปสักพักวุ้นจะเดือดแรงขึ้นและสังขยาจะจับตัวเป็นก้อน เราจะปล่อยให้เดือดสักพักจึงปิดไฟได้
• จากนั้นเราจะนำวุ้นที่ได้ ไปหยอดใส่พิมพ์ตามต้องการ แล้วนำวุ้นแช่เย็นจนเซ็ทตัวดีจึงแกะออกจากพิมพ์ จัดใส่จานพร้อมรับประทานได้

สูตรวุ้นสังขยา สูตรที่ 2

ส่วนผสม

• วุ้นผง 10 กรัม
• น้ำลอยดอกมะลิ 450 กรัม
• น้ำตาลทราย 150 กรัม
• หัวกะทิ 100 กรัม
• ไข่ไก่ 2 ฟอง
• ใบเตย

วิธีการทำวุ้นสังขยา

• เราจะเริ่มจากการทำสังขยาก่อน ให้ผสมหัวกะทิกับน้ำตาลและไข่ไก่ โดยจะใช้ใบเตยขยำให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน และน้ำตาลละลายดี จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการกรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อเอาสิ่งสกปรกออก
• จากนั้นก็ให้ตั้งกระทะทองเหลืองบนไฟอ่อนๆ แล้วใส่น้ำลอยดอกมะลิและวุ้นผงลงไป คนจนส่วนผสมละลายเข้ากันดี แล้วจึง ใส่ส่วนผสมไข่กะทิ ที่ทำการกรองเรียบร้อยลงไป เปิดไฟให้แรงขึ้น รอจนส่วนผสมเดือด แล้วจึงคนไปเรื่อย ๆ จนวุ้นมีลักษณะเหนียวเป็นยางมะตูม แล้วจึงปิดไฟ
• ขั้นตอนต่อมาให้เทส่วนผสมวุ้นสังขยาลงในแบบหรือพิมพ์ที่เตรียมไว้ จากนั้นก็ให้ทิ้งไว้ให้หายร้อนสักพัก แล้วจึงนำไปใส่ในตู้เย็น
• หลังจากใส่ในตู้เย็นจนวุ้นแข็งตัวดีแล้ว ก็เคาะวุ้นออกจากแบบ จัดใส่จาน พร้อมรับประทานได้ทันที แต่ถ้ายังไม่รับประทาน ควรเก็บ ไว้ในตู้เย็นก่อน

สูตรวุ้นสังขยา สูตรที่ 3

ส่วนผสม

ส่วน ผสมวุ้น

• วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำสะอาด 3 ถ้วย
• น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 1/2 ถ้วย
• ใบเตยหอมประมาณ 3 ใบ

ส่วนผสมสังขยา

• หัวกะทิ 1 ถ้วย
(คั้นจากมะพร้าวขูดขาว 300 กรัมกับน้ำอุ่น 1/4 ถ้วย)
• ไข่ไก่ (ฟองใหญ่) 3 ฟอง
• น้ำตาลปึก 1 ถ้วย
• ใบเตยหอมหรือใบตอง 4-5 ใบ

วิธีการทำวุ้นสังขยา

• ขั้นตอนแรกจะเริ่มจากการทำสังขยา ให้ผสมกะทิกับ น้ำตาลปึก จากนั้นให้คนกะทิ กับน้ำตาลปึกให้เข้ากันจนละลาย แล้วตอกไข่ไก่ใส่ลงไปแล้วใช้มือขยำพร้อมกับใบเตยให้เนื้อไข่กับกะทิเข้ากัน แล้วก็ขยำสักพักจนใบเตยฉีกเป็นชิ้นเล็กและส่วนผสมเป็นเนื้อเนียน จากนั้นก็กรองด้วยผ้าขาวบาง พักไว้
• ส่วนตัววุ้นนั้น เราจะละลายผงวุ้นกับน้ำเย็นลงในหม้อ อย่าให้วุ้นขณะน้ำเดือดจัด ควรจะนำผงวุ้นไปละลายกับน้ำเย็นก่อน แล้วจึงใส่หม้อ ไม่งั้นวุ้นอาจจะจับตัวเป็นก้อนได้ แล้วนำไปตั้งไฟ ระหว่างนี้ต้องหมั่นคนไม่ให้วุ้นตกตะกอน จากนั้นใส่ใบเตยสัก 3-4 ใบ แล้วก็เคี่ยวผงวุ้นกับใบเตยเข้าด้วยกัน จนวุ้นเริ่มเดือดสักพักแล้วจึงค่อยลดไฟลง จากนั้นก็ใส่น้ำตาลทรายแล้วเคี่ยวไปเรื่อยๆจนวุ้นใส
• ต่อจากนั้นเราเร่งไฟให้แรงขึ้น แล้วค่อยๆเทส่วนผสมสังขยาลงไป ให้ใช้ทัพพีคนด้านล่างเบาๆอย่าให้สังขยาตกตะกอน แล้วต้องคอยระวังวุ้นอย่าให้เดือดจนท่วมหม้อ ทำการเคี่ยวต่อจนสังขยาเริ่มจับตัว แล้วยกลงทิ้งไว้สักพัก จากนั้นตักใส่พิมพ์ตามต้องการ จากนั้นนำไปแช่เย็น เมื่อวุ้นเซ็ตตัวดีแล้ว ก็เคาะออกจากพิมพ์ จัดใส่จานพร้อมรับประทานได้

error: Content is protected !!