ถ้าจะลองถามคนส่วนใหญ่ว่า ในชีวิตนี้คุณอยากจะเป็นคนรวยหรือเปล่า ผมเชื่อว่าคำตอบที่ได้รับ คือ มีคนอยากเป็นคนรวย มากกว่าไม่อยากเป็นคนรวย ซึ่งในสมัยพุทธกาล หากพูดถึงคนรวยหรือเศรษฐีแล้ว จะหมายถึง บุคคลที่เป็นที่น่ายกย่อง น่าเคารพนับถือมากในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความมีน้ำใจไมตรี มีเมตตากรุณาต่อผู้ด้อยโอกาส เพราะว่าเศรษฐีในสมัยพุทธกาลหมายถึง ผู้ที่มีโรงทาน ใครมีโรงทานใหญ่ๆ หรือมีหลายๆ โรงทาน ก็จะถือเป็นเศรษฐีหรือมหาเศรษฐี ส่วนใครมีโรงทานเพียงโรงเดียวหรือโรงทานไม่ใหญ่มากนักก็นับเป็นเศรษฐีน้อยๆ ก็จะว่ากันไปตามขนาดของโรงทานที่มีไว้บริการอาหารเครื่องดื่มแก่ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาสในสังคม ฟังดูแตกต่างจากคน หรือเศรษฐีในสมัยปัจจุบันอยู่ไม่น้อยทีเดียว เดี๋ยวนี้พอนึกถึงเศรษฐี ภาพของคฤหาสน์ใหญ่โตโอ่อ่า วัตถุสิ่งของหรูหรา เครื่องอำนวยมากมายปรากฏขึ้นแทนโรงทานไป
เพราะฉะนั้น ใครที่อยากเป็นคนรวย เป็นเศรษฐี ก็คงจะต้องเริ่มต้นจากการ กำหนดนิยามของคำว่าคนรวย ที่เราต้องการจะเป็นให้ชัดเจนก่อน เช่น บางคนอาจจะอยากเป็นคนรวยที่ใจบุญ หรือเศรษฐีใจบุญ สร้างอะไรหลายๆ อย่างไว้ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อแก่ผู้ด้อยโอกาสนสังคม ดังมีตัวอย่างเช่น นายห้างขายยาตราใบโพธิ์ในอดีต หรือคุณตัน อิชิตัน ถ้าเป็นเมืองนอกก็จะเป็น บิลล์ เกตส์ ที่บริจาคทรัพย์เพื่อการกุศลจำนวนมาก หรือบางคนอาจจะอยากเป็นคนรวยมีเงินมีทอง ไว้เสพสุขในเงินทองของตัวเอง ใครอยากจะเป็นคนรวยแบบใด ก็คงต้องออกแบบกันเองตามความพอใจ แต่ไม่ว่าใครจะอยากเป็นคนรวยแบบใด นิสัยคนรวยที่สำคัญ 4 ข้อต่อไปนี้น่าจะเป็นตัวช่วยนำพาท่านไปลองลิ้มชิมรสความเป็นคนรวย หรือเศรษฐีให้เร็วขึ้นได้บ้าง ใครอยากเป็นคนรวยก็ต้องมี 4 นิสัยของคนรวย ที่ควรทำตาม
1. คิดอย่างคนรวย แต่ไม่ใช้อย่างคนรวย
เราจะได้เห็นได้ว่า เมื่อเราไปร้านหนังสือ เราจะเห็นหนังสือที่สอนเราให้รวยมากมายหลายต่อหลายเล่ม แนะนำไปในทางเดียวกันว่าคนจะรวยได้ก็ต้องคิดแบบคนรวย คือจะต้องมีความเชื่อที่หนักแน่นก่อนว่าเราก็เป็นคนรวยได้ เมื่อเชื่อแล้วก็ต้องลงมือทำงานอย่างขยันขันแข็ง มีความพากเพียร มีวิริยะอุตสาหะ มีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำงานอย่างทุ่มเท ซึ่งก็ควรจะขยันอย่างฉลาด คือต้องหมั่นหาความรู้เพื่อการพัฒนางาน พัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอด้วย แต่ที่สำคัญไปกว่าการคิดอย่างคนรวยก็คือ ต้องไม่ใช้เงินอย่างคนรวย คือต้องรู้จักใช้อยู่ให้ต่ำกว่าฐานะเสมอ หลายคนทำงานหาเงินได้มากมาย แต่ก็ไม่มีเงินเก็บเงินออมเป็นกอบกำสักที เพราะหาได้มากก็ยิ่งใช้จ่ายมาก หาได้เท่าไรก็ไม่เคยพอกินพอใช้ พอหน้าที่การงานเริ่มก้าวหน้าก็ใช้จ่ายมือเติบ ซื้อความสุขความสบายล่วงหน้า ใจใหญ่ เลี้ยงเพื่อนฝูง เรียกว่าการใช้ชีวิตสูงเกินเงินเดือน แบบนี้อาจจะลงเอยด้วยการเป็นคนรวยหนี้แทนที่จะได้นั่งอยู่บนกองเงินกองทอง
2. อยากเป็นคนรวยต้องมีวินัย
มีกฎที่สำคัญของการทำงานให้ประสบความสำเร็จ และบริหารเงินให้เป็นไปอย่างที่ใจคิดก็คือ อยากเป็นคนรวยต้องมีวินัย ต้องมีวินัย ทั้งวินัยในการทำงาน ต้องขัยนทำงานทำการ ไม่ขี้เกียจ เพราะถ้าขี้เกียจแล้วเมื่อไหร่เราจะรวยสักที และมีวินัยทางการเงิน ใช้เงินแบบเบาๆ ไม่ใช้จ่ายหนัก หรือใช้แบบผลาญเงินตัวเอง และสุดท้ายก็เงินหมด และกู้เงิน และก็เป็นหนี้ และข้อสุดท้าย ต้องวินัยในการใช้ชีวิต ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทั้งหลาย ที่จะนำพาชีวิตไปพบกับความเสื่อม สรุปได้ว่ความมีวินัยจะช่วยให้ชีวิตเราเป็นระบบและมีระเบียบมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการเป็นคนรวยให้เราได้อย่างไม่ต้องสงสัย ข้อนี้ต้องหมั่นฝืนใจตัวเองให้ทำในสิ่งที่ควรทำบ่อยๆ และต้องลดการตามใจตัวเองลงบ้างทีละนิด ทีละหน่อย
3. ต้องอดออมให้เป็น
ใครอยากเป็นคนรวย ต้องอดออมให้ได้ เพราะเงินที่หามาได้ ไม่มีค่าเท่าเงินที่รักษาไว้ได้ คือ หาได้ 100 ต้องเก็บอย่างน้อยให้ได้ 50 ไม่ใช่ว่ามี 100 ใช้ 100 จะทำให้เราไม่มีโอกาสลิ้มรสความรวย ดังนั้นการวางแผนการเงินแบบคนรวย จึงต้องเริ่มต้นที่อดออม คือต้องอดใจ ต้องหักห้ามไว้ใจบ้าง อยากเป็นคนรวยต้องมีความอดทน รู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ไม่รีบร้อน ไม่เร่งรัดโดยเฉพาะการบริโภค หรือการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง หรือการใช้ของแบรนด์เนม ก็เปลี่ยนมาใช้ของแบบธรรมดาที่มันยังใช้ได้ดีพอๆ กัน อย่างเช่น เสื้อผ้าตัวละหลักร้อย ก็ใส่ดูสวยหล่อได้ไม่แพ้ เสื้อตัวละหลักพัน หรือขับรถราคาหลักแสน ก็สามารถขับไปทำงานได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องไปผ่อนรถจำนวนมากๆ เพื่อให้ได้รถราคาหลักล้านมาใช้ มันอาจจะเกินความจำเป็นของคุณถ้าคุณยังไม่รวย
4. รู้จักความพอเพียง และการแบ่งปัน
การรู้จักความพอเพียง และการแบ่งปัน ฟังดูเรียบง่าย แต่มีพลังสร้างสรรค์ที่มหาศาล เพราะทันทีที่เรารู้จักพอ ทันทีที่เราเข้าใจความพอเพียง และนำมาปรับใช้ให้เข้ากับตัวเรา เราก็จะกลายเป็นคนรวยได้ในทันที เพราะที่เรารวยเพราะเราพอนั่นเอง และการมีความต้องการมากมายแบบไม่รู้จักพอ ก็เท่ากับยังไม่มี ยังต้องดิ้นรน ยังต้องแสวงหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าเรารู้จักพอ และพร้อมจะแบ่งปัน แสดงว่าเรามีมากตามที่เราต้องการ แถมยังมีส่วนเกินที่เผื่อแผ่ไปให้ผู้อื่นได้อีก เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของอภิมหาเศรษฐีใจบุญอย่างบิลล์ เกตส์ และวอเร็น บัฟเฟตต์ ที่บริจาคทรัพย์สินเกือบทั้งหมดที่ตนเองมีเพื่อสาธารณกุศล นั่นคือส่งที่แสดงให้เห็นว่า การมีเงินล้นฟ้าก็ไม่ได้ทำให้มีความสุขเสมอไป การแบ่งปันสิ่งที่ตนเองมีไปให้แก่คนที่ไม่มี หรือคนด้อยโอกาส ให้เค้าได้มี ให้เค้าได้ใช้บ้าง ก็ถือว่าเป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่งของบรรดาเศรษฐีใจบุญครับ
สรุป
นี่ก็เป็น 4 นิสัยของคนรวย ที่ควรทำตาม เป็นสิ่งที่ดีถ้าเราทำตามแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมดีตาม เพราะมีเหตุที่ดี ผลที่ออกมาจึงดีตาม ท่านผุ้อ่านลองนำไปปรับใช้ได้นะครับ หนทางในการไปสู่ความรวย อาจจะยังอีกยาวไกลสำหรับบางท่าน หรือบางท่านก็ใกล้เข้ามาแล้ว จะได้สัมผัสความรวยที่รออยู่ข้างหน้า เรื่องความรวยไม่เคยรอใคร ใครขยันกว่า ใครมุ่งมั่นกว่า ย่อมถึงเร็วกว่าครับ