พริกจัดว่าเป็นพืชผักสวนครัวที่ขาดไม่ได้ เนื่องจากเป็นสวนที่สำคัญในการประกอบอาหารในชีวิตประจำเป็นอย่างมาก มีรสชาติที่ค่อนข้างเผ็ดร้อน ส่วนใหญ่นิยมปลูกบริโภคในครัวเรือน ปลูกเพื่อการค้า และปลูกเพื่อใช้สำหรับการแปรรูปไม่ว่าจะเป็นพริกแห้ง พริกป่น น้ำพริกเผา ซอสพริก และอื่นๆ อีกมากมาย
การปลูกและการดูแลรักษาพริก
การเตรียมดิน
1.ก่อนอื่นเลยจะต้องมีการเตรียมพื้นที่ และแปลงสำหรับการเพาะปลูกด้วยการไถดะ และตากดินทิ้งไว้ 5-7 วัน ค่อยไถพรวน 1 ครั้ง
2.ตามด้วยการใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักลงไป 3-4 ตันต่อไร่ ใส่ปุ๋ยตราบัวทิพย์สูตร 2 ในอัตรา 50 กิโลกรัม ต่อไร่ ด้วยการหว่านให้ทั่วพื้นที่ แล้วค่อยพรวนกลบหน้าดินอีกครั้งหนึ่ง
วิธีการเพราะปลูก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพของดินที่ที่ต้องการเพาะปลูกด้วย
การปลูกแบบไม่ยกแปลง
การปลูกในลักษณะนี้เหมาะสำหรับการปลูกบนพื้นที่ที่สามารถระบายน้ำได้ดี มีการปรับระดับของพื้นที่ได้อย่างสม่ำเสมอ การปลูกแบบนี้สามารถปลูกเป็นแถวเดียวกัน ให้มีระยะห่างระหว่างแถวอยู่ที่ 60-70 เซนติเมตร และระหว่างต้นอยู่ที่ 50 เซนติเมตร
ปลูกแบบยกแปลง
ลักษณะของการปลูกยกแปลง เหมาะสมเป็นอย่างมากสำหรับพื้นที่ปลูกที่มีระดับน้ำใต้ดินสูง ระบายน้ำออกได้ยาก โดยการเตรียมพื้นที่จะต้องยกแปลงกว้าง 1.5 เมตร มีร่องน้ำกว้าง 50 ซม. ลึก 50 ซม. โดยใช้วิธรการปลูก 2 แถวบนแปลงเดียวกัน เป็นแถวคู่ไป
การเพาะปลูก
1.เริ่มต้นด้วยการใช้เมล็ดพริก หยอกหลุม หลุมละ 3-5 เมล็ด สำหรับพริกหวาน เปอร์เซ็นในการรอดประมาณ 80% ที่หยอดลงไป ดังนั้น 1 ไร่ จะใช้เมล็ดเพียงแค่ 60-90 เมล็ดเพียงเท่านั้นเองนะคะ การปลูกวิธีการนี้นิยมสำหรับการปลูกในแปลงขนาดใหญ่ ที่ไม่มีแรงงานพอที่จะเพาะพันธ์และย้ายต้นกล้า ซึ่งก็มีจุดอ่อนคือต้นพริกอ่อนแอ และเสี่ยงต่อการโดนมด หรือแมลงอื่นๆ มาคอยกัดกินใบ สิ้นเปลืองและสูญเสียเมล็ดพันธ์จำนวนไม่น้อย
2.การเพาะเมล็ดให้งอก อนุบาลให้ลำต้นแข็งแรงจากนั้นค่อยนำไปหยอดหลุม กลบด้วยดินบางๆ วิธีการนี้ก่อนที่จะมีการเพาะแนะนำให้เอาเมล็ดพันธ์แช่น้ำ ห่อด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ ทิ้งไว้ 2 วันเมล็ดก็จะงอกจากนั้นนำไปลงแปลงได้
3. เพาะเมล็ดในแปลงเพาะก่อนที่จะนำไปลงสู่แปลงจริง สำหรับวิธีการนี้อาจมีหลากขั้นตอน แต่เมื่อเทียบกับเปอร์เซ็นต์ที่รอด หรือได้นั้น ถือว่ามีโอกาสมากที่สุด ก่อนที่จะมีการเพาะปลูกในแปลงจะต้องใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ปริมาณ 100 กรัมต่อตารางเมตร คลุกดินลึกประมาณ 5-8 นิ้ว จากนั้นทำการหว่านเมล็ด ทิ้งไว้ 10 วัน เมื่อเห็นว่าเมล็ดเริ่มงอก แยกต้นออกหากเห็นว่ามีลำต้นที่หนา
เมื่อกล้าอายุได้ 18 วัน ให้ทำการรดด้วยปุ๋ยแอมโมเนียซัลเฟตละลายน้ำ แล้วรดน้ำตามทันที สังเกตุหากต้นกล้าสูงประมาณ 6 นิ้ว ก็สามารถย้ายลงแปลงเพาะปลูกได้แล้ว โดยรวมแล้วใช้เวลาอยู่ที่ 30-40 วัน บางที่จะมีการย้ายต้นกล้า 2 ครั้ง เพื่อที่ต้นกล้าจะแข็งแรงได้อย่างเต็มที่ โดยจะเริ่มย้ายสู่ถุงเพาะชำในครั้งที่ 1 เมื่อต้นกล้าโต มีใบจริง รดน้ำ ทุกวัน เมื่อเห็นว่าต้นกล้าโตพอที่จะสามารถลงเพาะปลูกสู่แปลง ใช้เวลาโดยประมาณ ในถุงเพาะชำ 2-3 อาทิตย์ ก่อนที่จะมีการนำต้นกล้าลงเพาะปลูกในแปลง แนะนำให้มีการฉีดสารละลายน้ำตาลทรายให้ทั่ว เพื่อที่ใบจะได้ดูดซึมน้ำตาลได้เป็นปริมาณสูง
การบำรุงรักษาต้นพริก
สำหรับพริกจัดว่าเป็นพืชที่ปลูกและดูแลค่อนข้างง่ายที่สุดแล้ว เองจากเป็นพืชที่ทนแล้งดีกว่าทนน้ำ ดังนั้นพริกจึงไม่ค่อยชอบน้ำเท่าไหร่นัก แต่ในช่วงที่พริกกำลังออกดอก หรือให้ผลผลิตจะต้องการน้ำมากกว่าปกติ ดังนั้นหากเกษตรกรให้น้ำในปริมาณที่น้อยกว่าที่พริกต้องการ ประกอบกับสภาพอากาศที่แห้งแล้ง มีส่วนทำให้ดอกบาน ดอกอ่อน และผลอ่อนร่วงได้
แต่สำหรับสภาพอากาศที่เย็นก็มีผลทำให้พริกไม่ค่อยติดผล เจริญเติบโตได้ไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อมีการติดดอก ดอกจะไม่ค่อยแข็งแรงและร่วงโรยในที่สุด สังเกตได้เลยว่าการให้น้ำกับต้นพริกสำคัญไม่น้อยหากต้นพริกได้รับน้ำในปริมาณที่น้อยจนเกินไปอาจทำให้ดอกร่วง และถ้าได้รับน้ำในปริมาณที่มากจนเกินไป จะทำให้ผลมีสิไม่สวย และรากอาจเน่าตายในที่สุด
การให้น้ำสำหรับต้นพริก
หลังการปลูก ในช่วง 3 วันแรก แนะนำให้มีการรดน้ำ เช้า – เย็น 4 วันต่อมาให้รดเพียงแค่วันละครั้ง จากนั้นจนถึงสัปดาห์ที่ 4 ให้รดน้ำอาทิตย์ละ 3 ครั้ง และลดเหลือสัปดาห์ละ 2 ครั้งในสัปดาห์ที่ 5-7 หลังจากนั้นให้รดเพียงแค่สัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่ทั้งนี้เกษตรกรจะต้องสังเกตุ และรดน้ำให้เหมาะสมกับสภาพของดินในพื้นที่นั้นๆ ด้วย
การให้ปุ๋ย
ในการให้ปุ๋ยแก่ต้นพริก จะต้องดูและขึ้นอยู่กับสภาพของดินที่ได้มีการเพาะปลูกด้วย เริ่มต้นด้วยการใส่ปุ๋ยบัวทิพย์ สูตร 2 อัตราส่วน 50 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่
1.เริ่มต้นด้วยการรองพื้นก่อนย้ายปลูกและหลังย้ายปลูกแล้ว 1 เดือน
2.อีกครั้งหนึ่ง ด้วยการโรยใส่กึ่งกลางของแถวต้นกล้า แล้วพรวนดินกลบ การให้ในระยะนี้จะช่วงที่ตาเริ่มออก และยังไม่ติดดอก หลังจากนี้อาจมีการใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักลงไปบ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยอินทรีย์นะคะ
มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยสำหรับการเพาะปลูกพริก เกษตรกรยุคใหม่สามารถดัดแปลง และดูแลเพื่อเพิ่มผลผลิตได้ในปริมาณที่มากกว่าเดิม