สูตรวิธีทำขนมเทียน พร้อมคำแนะนำในการขายขนมเทียน

สำหรับบทความนี้ก็จะเป็นเรื่องราวของขนมเทียน ประวัติขนมเทียน วิธีทำขนมเทียน และการขายขนมเทียน ขนมเทียนเนี่ยนะครับ ถ้าใครได้ลองทานดู ก็จะได้รับรู้ถึงรสชาติความอร่อย บวกความเผ็ดนิดๆ บางท่านทานแล้วติดใจจนต้องซื้อหามาทานประจำ บางท่านก็ผันตัวเองจากผู้ที่ชอบทานขนมเทียน จนไปเป็นผู้ทำขนมเทียนขายก็มี ด้วยความชอบกลายเป็นอาชีพขายขนมเทียน ซึ่งหนทางในการขนมเทียนยังเปิดกว้างมาก รอพ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ นะครับ เอาหล่ะครับ ก่อนอื่นก็จะขอเล่าประวัติขนมเทียนก่อนนะครับ

ประวัติขนมเทียน

ขนมเทียน มีอีกชื่อหนึ่งว่า ขนมนมสาว และในทางภาคเหนือของไทยเรียกว่า ขนมจ็อก มีการทำขนมเทียนมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งเป็นขนมที่นิยมใช้ในงานบุญ โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ แต่เดิมมีไส้มะพร้าวและไส้ถั่วเขียว แต่ในปัจจุบันมีการดัดแปลงไส้ออกไปหลากหลายมาก

ซึ่งชาวจีนจะใช้ขนมเทียนในการไหว้บรรพบุรุษช่วงวันตรุษจีน และวันสารทจีน ขนมไหว้เจ้าในวันตรุษจีนส่วนใหญ่จะเป็นขนมที่ทำจากแป้งกวนกับน้ำตาล แล้วนำไปนึ่งเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งที่ต้องเป็นขนมเทียนก็เนื่องจากว่าขนมเทียนมีความหมายเป็นมงคล สื่อถึงความหวานชื่น ความราบรื่น และความอุดมสมบูรณ์นั่นเองครับ

ชนิดของขนมเทียน

– ขนมเทียนไส้เค็ม จะใส่พริกไทยและเกลือ
– ขนมเทียนไส้ถั่ว จะใส่ไส้ถั่วบด
– ขนมเทียนไส้หวาน จะใส่มะพร้าวและน้ำตาลลงไปเพิ่ม
– ขนมเทียนแก้ว ตัวแป้งจะทำด้วยแป้งถั่ว

แต่ที่นิยมกันส่วนมากจะเป็นขนมเทียนไส้เค็ม รสชาติจะออกเผ็ดนิดๆ ครับ

สูตรวิธีการทำขนมเทียน สูตรที่ 1

ส่วนผสมขนมเทียนไส้เค็ม

– ถั่วเขียวเลาะเปลือก 1 ถ้วยตวง
– น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
– เกลือป่น 1 ช้อนชา
– พริกไทยป่น 2 ช้อนชา
– หอมแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมขนมเทียนไส้หวาน

– น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
– มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น 2 ถ้วย
– น้ำเปล่า 1 ถ้วย

ส่วนผสมแป้ง

– แป้งข้าวเหนียว 200 กรัม
– น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
– น้ำกะทิ 2 ถ้วย

วิธีการทำขนมเทียน

– การเตรียมไส้เค็ม ให้เริ่มจากการนำถั่วเขียวมาแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นนำไปนึ่งในซึ้งให้สุก
– เมื่อถั่วสุก ให้นำมาบดให้ละเอียด
– ตั้งกระทะด้วยไฟปานกลาง แล้วนำหอมแดงสับที่เตรียมไว้ลงผัดให้พอเหลือง
– ใส่ถั่วที่บดไว้ น้ำตาลทราย เกลือ และพริกไทย จากนั้นกวนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี กวนไปเรื่อยๆ จนกว่า เนื้อถั่วจะดูแห้ง เสร็จแล้วตั้งพักไว้
– การเตรียมไส้หวาน ให้นำน้ำตาลปี๊บและน้ำเปล่า เคี่ยวในกระทะ โดยใช้ไฟปานกลาง เมื่อน้ำตาลเริ่มแตกฟอง ให้ใส่มะพร้าวทึนทึกขูดลงไป
– เคี่ยวประมาณ 15 นาที ให้มะพร้าวเหนียวแห้งจนสามารถปั้นได้ จึงยกลงแล้วตั้งพักไว้ให้เย็น
– มาถึงขั้นตอนการเตรียมแป้ง ให้เทแป้งข้าวเหนียวลงในกะละมังสำหรับนวดแป้ง ค่อยๆ เทกะทิที่ละน้อย แล้วนวดไปเรื่อยๆ จนกว่ากะทิจะหมดและแป้งเป็นเนื้อเดียวกัน
– เมื่อได้แป้งและไส้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้เตรียมใบตองสำหรับห่อขนม ซึ่งควรเช็ดทำความสะอาดให้ดี แล้วอาจจะนำไปผึ่งแดดหรือลนไฟ เพื่อให้ใบตองไม่แตกง่าย จากนั้นให้ตัดใบตองเป็นวงกลม ขนาด 5 นิ้ว และ 8 นิ้ว แล้วเช็ดด้วยน้ำมันเตรียมไว้
– ปั้นไส้หวาน และเค็มเป็นลูกกลมๆ ตามขนาดที่ต้องการ นำแป้งที่นวดเรียบร้อยแล้วมาปั่นเป็นก้อนกลม แล้วกดแป้งให้แบนเป็นแผ่นกลมๆ วางไส้ลงตรงกลาง แล้วห่อแป้งให้คลุมไส้ ดูให้ขนาดแป้งห่อหุ้มไส้พอดี และไม่หนาจนเกินไป
– นำใบตองที่เราตัดไว้ ขนาด 5 นิ้ว และ 8 นิ้วซ้อนกัน ทำจีบให้เป็นรูปกรวย และวางขนมที่เราใส่ไส้เรียบร้อยแล้วลงไป พับเก็บสอดเหลี่ยมให้ดี ซึ่งจะออกมาเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม
– จากนั้นนำขนมไปนึ่งในซึ้ง โดยใช้ไฟแรงประมาณ 30 นาที พักให้เย็นเล็กน้อย ก็เสิร์ฟได้แล้ว

สูตรวิธีการทำขนมเทียน สูตรที่ 2

ส่วนผสมขนมเทียนไส้เค็ม

– ถั่วเขียวกะเทาะเปลือกนึ่ง 2 ถ้วยตาง
– น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ
– พริกไทย 1 ช้อนชา
– เกลือป่น 1 ½ ช้อนชา
– น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมขนมเทียนไส้หวาน

– น้ำตาลโตนด 1 ½ ถ้วยตวง
– มะพร้าวขูด 2 ถ้วยตวง

ส่วนผสมตัวแป้ง

– แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
– น้ำตาลโตนด 2 ถ้วยตวง

วิธีทำการขนมเทียน

– การเตรียมไส้เค็ม ให้นำถั่วเขียวกะเทาะเปลือกไปนึ่งให้สุกแล้วนำมาบดให้ละเอียด พักเตรียมไว้ จากนั้น ตั้งกระทะใส่น้ำมันบนไฟปานกลาง แล้วใส่ถั่วที่เราเตรียมไว้ พริกไทย เกลือ และน้ำตาลทราย ผัดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหอมและส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดีเป็นเนื้อเดียว
– การเตรียมไส้หวาน นำน้ำตาลโตนดเคี่ยวกับมะพร้าวจนกว่าจะแห้ง
– เมื่อทำทั้ง 2 ไส้เสร็จแล้ว ให้วางทิ้งไว้ให้หายร้อน แล้วนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ รอไว้เลย
– นำน้ำตาลโตนดไปเคี่ยวในกระทะจนข้นเหนียว แล้วนำไปนวดกับแป้งข้าวเหนียว ใช้มือนวดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้เนื้อแป้งที่เนียนนุ่ม
– แบ่งแป้งที่นวดเสร็จแล้วเป็นก้อน แล้วปั้นเป็นทรงกลม ใช้ฝามือค่อยๆ กดจนแป้งเป็นแผ่นๆ บางๆ ใส่ไส้ที่เราปั้นเตรียมไว้ลงไป แล้วนำใส่ลงในใบตอง จัดการห่อให้ได้ทรงสามเหลี่ยม
– นำขนมเทียนที่ห่อเสร็จแล้วไปนึ่งในซึ้งที่มีน้ำเดือดประมาณ 30 นาที ก็เป็นอันเรียบร้อย

สูตรวิธีการทำขนมเทียน สูตรที่ 3

ส่วนผสมขนมเทียนไส้เค็ม

– ถั่วเขียวฝ่าซีก 1 ถ้วย
– น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
– หอมแดงเจียว ¼ ถ้วยตวง
– รากผักชี 2 ราก
– เกลือ 1 ช้อนชา
– น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
– พริกไทย ½ ช้อนชา

ส่วนผสมแป้ง

– แป้งข้าวเหนียว 400 กรัม
– แป้งข้าวจ้าว 100 กรัม
– น้ำกะทิ 3 ถ้วย
– น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย

วิธีการทำขนมเทียน

– ให้เริ่มจากการทำไส้กันก่อน ด้วยการนำถั่วไปนึ่งให้สุก แล้วนำไปเข้าเครื่องบดให้ละเอียด
– ตั้งกระทะไฟปานกลาง เจียวหอมแดงให้พอเหลือง แล้วใส่ถั่วที่บดไว้ลงในกระทะ เติมน้ำตาล เกลือ พริกไทย แล้วผัดจนกว่าจะแห้ง เมื่อแห้งแล้วให้ยกลงตักพักไว้จนกว่าจะเย็น แล้วนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ เตรียมเอาไว้
– การนวดแป้ง ให้เทแป้งทั้ง 2 ชนิดลงในอ่างผสม แล้วละลายน้ำตาลปี๊บกับน้ำอุ่น นำมาเทใส่แป้งทีละนิด ระหว่างที่นวดไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำตาลจะหมด จากนั้นให้ค่อยๆ เทกะทิใส่ต่ออีก แล้วนวดให้แป้งเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วตั้งพักทิ้งไว้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
– เมื่อครบเวลาที่หมักแป้งในข้อ 3 ไว้ ให้นำมาปั้นเป็นก้อน แล้วใส่ไส้ที่เราได้เตรียมไว้
– ห่อลงในใบตองที่จับจีบเป็นกรวย แล้วพับให้เข้ามุมเรียบร้อย
– นำซึ้งนึ่งใส่น้ำ แล้วยกตั้งไฟ เมื่อน้ำเดือดให้วางขนมเทียนที่เราห่อไปลง จากนั้นปิดฝานึ่งด้วยไปแรงประมาณ 30 นาที เพียงแค่นี้ก็ได้ขนมเทียนแสนอร่อยแล้ว

การบรรจุกล่องขนมเทียน

– ให้บรรจุขนมเทียนในภาชนะบรรจุที่สะอาด ปิดได้สนิท และสามารถป้องกันการปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกที่อยู่ภายนอกได้ เช่น บรรจุขนมเทียนลงในกล่องพลาสติก
– น้ำหนักสุทธิ หรือจํานวนชิ้นของขนมเทียนในแต่ละภาชนะบรรจุต้องไม่น้อยกว่าที่ระบุไว้ที่ฉลาก

เครื่องหมาย และฉลากขนมเทียน

ที่ภาชนะบรรจุขนมเทียนทุกหน่วย อย่างน้อยต้องมีเลข อักษร หรือเครื่องหมายแจ้งรายละเอียดต่อไปนี้ ให้เห็นได้ง่าย ชัดเจน

– ชื่อผลิตภัณฑ์ เช่น ขนมเทียนแสนอร่อย
– ส่วนประกอบที่สำคัญ
– น้ำหนักสุทธิ หรือจำนวนชิ้น
– วัน เดือน ปีที่ผลิต และวัน เดือน ปีที่หมดอายุุ หรือข้อความว่า “ควรบริโภคก่อน (วัน เดือน ปี) ”
– ข้อแนะนำในการเก็บรักษา เช่น ควรเก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
– ชื่อร้าน หรือบริษัท หรือสถานที่ทำ พร้อมสถานที่ตั้ง หรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
– ในกรณีทีใช้ภาษาต่างประเทศ ต้องมีความหมายตรงกับภาษาไทยที่กำหนดไว้ข้างต้น

การขายขนมเทียน

สำหรับโอกาสในการขายขนมเทียนยังมีอีกมาก เนื่องจากเป็นขนมไทยที่ขึ้นชื่อไปแล้วในเรื่องความอร่อย การขายให้เริ่มจากการหาทำเลดีๆ ที่มีผู้คนเดินไปเดินมา เพราะทำเลก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในการขายของ ถึงแม้จะทำขนมเทียนอร่อย แต่ทำเลไม่ดี ไม่มีคนมาซื้อ ก็จะทำให้เลิกขาย ไปทำอย่างอื่นได้ เมื่อได้ทำเลแล้ว เริ่มแรกเราอาาจะเปิดเป็นร้านเล็กๆ ก่อน ขายขนมเทียนอย่างเดียว ช่วงเริ่มใหม่ๆ อาจจะอดทนบ้าง ถ้ารายได้ไม่เป็นไปตามที่หวัง เมื่อเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว รายได้ก็จะตามมาเอง

การโปรโมทร้าน เดี๋ยวนี้ทำได้หลายช่องทาง ทั้งโฆษณาท้องถิ่น โฆษณาออนไลน์ โฆษณาในนิตยสาร ซึ่งเจ้าของร้านก็ควรจะศึกษาการทำการตลาดไว้ด้วยนะครับ การตลาดทำให้คนรู้จักเรา เมื่อคนรู้จักเรา เค้าก็จะมาซื้อขนมเทียน มาลองชิมฝีมือ ถ้าอร่อย ก็จะบอกกันไปปากต่อปาก เมื่อร้านเรามีคนรู้จักมากแล้ว ก็ได้เวลาพัฒนาไปอีกขั้นนึง คือ การทำขนมเทียนใส่กล่องพลาสติก พร้อมติดสติ้กเกอร์เป็นชื่อร้านของเรา ไว้ไปฝากขายตามร้านขนมไทยดังๆ ในละแวกนั้น

ถ้าเรามีใจรักด้านการทำขนมเทียน ความมุ่งมั่นแน่วแน่ จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ คนทำแล้วประสบความสำเร็จก็มี คนที่ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็มี อยู่ที่ใครจะอดทน และมุ่งมั่นมากกว่ากัน ผมก็ขอให้ท่านที่สนใจจะเปิดร้านขายขนมเทียน ประสบความสำเร็จกันทุกท่านครับ

error: Content is protected !!